ยินดีต้อนรับ

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร

1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน

2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา

ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ

3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น

4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน



วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ท็อบเท็นแข้งพรีเมียร์ลีกที่เราอดใจชมฟอร์มแทบไม่ไหว

บางคนก็หน้าเก่าเห็นจนคุ้นตา, บางรายก็เพิ่งเข้ามาอาจยังไม่คุ้นเคย, บางส่วนก็ทำฟอร์มหล่นไว้ที่บ้านแม่ยายขณะที่บางพวกก็ไปติดหญิงที่โรงพยาบาลอยู่พักใหญ่ แต่ในตอนนี้ทาง football365 ได้รวบรวม 10 นักเตะพรีเมียร์ลีกที่น่าจับตามองในฤดูกาล 2012-13 มาให้พวกคุณได้ทำความรู้จักกัน 10. ปาปิสส์ ซิสเซ่ (นิวคาสเซิ่ล)
ซิสเซ่สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นอาวุธหนักของนิวคาสเซิ่ลทันทีเมื่อทำผลงานสะเทือนเกาะอังกฤษในช่วง 6 เดือนแรกที่ย้ายเข้าโดยหัวหอกเซเนกัลซัดสองประตูใส่เชลซีซึ่งรวมถึงลูกที่ได้รับการชาบูให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพร้อมกระซวกตาข่ายในลีกไปทั้งหมด 13 ประตูจาก 14 เกมที่ลงสนาม ความท้าทายของกองหน้าวัย 27 ปีในตอนนี้คือการรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองในซีซั่นใหม่และการที่"สาลิกาดง"กำลังมองหาอ็อปชั่นเสริมในแนวรุกก็ยิ่งทำให้เขาต้องจัดหนักกับการทำสกอร์ให้ได้ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิมโดยมีแมทช์ในเวทียุโรปที่เพิ่มเข้ามาเป็นบททดสอบสำคัญ 9. เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี)
ตอร์เรสมีศักดินาเป็นถึงขุนโกลเด้นบู๊ทแห่งทุ่งยูโร 2012 จากผลงานชิ้นโบว์แดงทิ่มตาข่ายคู่แข่งไป 3 ดอกด้วยเวลาลงสนามที่น้อยกว่าคนอื่น อย่างไรก็ตามเขากลับถูกหมางเมินไม่ให้มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ ขณะที่ผลงานการสังหาร 6 ประตูจาก 32 เกมในลีกฤดูกาลล่าสุดก็ทำให้เขามีคิวต้องพิสูจน์ตัวเองในซีซั่นใหม่ เมื่อดิดิเยร์ ดร็อกบาโบกมือลาถ้ำสิงห์ไปเหล่สาวโซ้ยหมี่ที่เมืองจีนย่อมส่งผลให้ตอร์เรสจำต้องเผยตัวจริงที่เป็นเพชฌฆาตเท้าคมออกมาเพราะหากมัวแต่หากินอยู่การทำแอสซิสต์แล้วไม่ยอมยิง เห็นทีเงิน 50 ล้านปอนด์ที่เชลซีจ่ายให้ลิเวอร์พูลคงเป็นการตำน้ำพริกครกใหญ่ละลายน้ำและอาจเป็นซีซั่นสุดท้ายในอังกฤษสำหรับเจ้าตัว 8. ฟาบิโอ บอรินี่ (ลิเวอร์พูล)
ลิเวอร์พูลมีสถิติการจบสกอร์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนที่ไม่สมกับเป็นทีมวรรณะสูงด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องหาดาวยิงคนใหม่มาเป็นอาวุธเสริมให้กับทีมและคนนั้นก็คือบอรินี่นั่นเอง ทว่าแข้งทีมชาติอิตาลีเพิ่งเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักฟุตบอลเพียง 46 เกมทำไป 16 ประตูดังนั้นความคาดหวังที่ทุกคนมีต่อตัวเขาจึงไม่ควรสูงมากจนเกินไป อย่างไรก็ตามสมัยที่แข้งวัย 21 ปีทำงานร่วมกับเบรนแดน ร็อดเจอร์สที่สวอนซีเขามีสถิติการยิงประตูแบบซอยยิกๆเมื่อกดไปถึง 6 ลูกจาก 12 เกมที่ลงเล่น ดังนั้นผู้จัดการทีมจึงคาดหวังให้เขาทำเช่นนั้นที่แอนฟิลด์เลยยอมทุ่มเงิน 7.8 ล้านปอนด์ดึงตัวมาร่วมทีม หากบอรินี่ทำได้สำเร็จ"หงส์แดง"อาจตบเท้าขึ้นแผงท็อปโฟร์อีกครั้ง 7. ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
การกลับมาของดาวเตะโลกตะลึงอย่างเบเบ้ในช่วงปรีซีซั่นอาจเป็นที่สนใจของสื่อหลายแขนงแต่โอกาสที่เขาจะได้จะได้ลัดข้ามทางด่วนมายืนตัวจริงให้"ปีศาจแดง"มองเหลี่ยมไหนก็ยังไม่น่าเป็นไปได้เต็มที่สุดคงเป็นแค่อะไหล่ให้ถูกเรียกใช้ในฤดูกาลใหม่เท่านั้น แตกต่างจากเคลฟเวอร์ลี่ย์ที่ชัดเจนเลยว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในแผนการทำทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและคนที่ได้เห็นฟอร์มของแข้งวัย 22 ปีช่วย"ปีศาจแดง"คัมแบ็คกลับมายัดเยียดความบรรลัยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อซัมเมอร์ก่อนคงคาดหวังให้เขาสลัดคราบเดี้ยงลงบู๊ได้เต็มสูบเสียทีซึ่งจะเป็นผลดีทั้งกับสโมสรรวมไปถึงทีมชาติ 6. แยน แฟร์ทองเก้น (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส)
ภายหลัง"ไก่เดือยทอง"ไปธนาคารเบิกเงิน 10 ล้านปอนด์มาเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นแฟร์ทองเก้น เราสามารถคอนเฟิร์มแบบไม่ต้องไปหาหมอดูได้เลยว่าอดีตกัปตันทีมอาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัมรายนี้จะออกสตาร์ทเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับให้กับสโมสรในฤดูกาลใหม่โดยมีพาร์ทเนอร์เป็นยูเนส กาบูลหรือไมเคิ่ล ดอว์สัน แข้งยเบญจเพสต้องแบกรับความกดดันมหาศาลที่เล็ดลี่ย์ คิงทิ้งเอาไว้หลังแขวนสตั๊ดแต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีของในตัวเองที่พร้อมท้าทายโจทย์ข้อนี้ซึ่งพิจารณาได้จากรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมลีกดัตช์ในปี 2012 รวมถึงการพาอาหยักซ์ซิวแชมป์เอเรดิวิซี่ลีก 2 สมัยซ้อนแถมเจ้าตัวยังมีอาวุธลับอย่างการยิงฟรีคิกให้ได้รับชมอีกด้วย 5. ลูคัส เลว่า (ลิเวอร์พูล)
ลูคัส เลว่าได้รับบาดเจ็บจนปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ้นไปก่อนใครในฤดูกาลก่อนยังผลให้แดนกลางของลิเวอร์พูลอ่อนยวบลงไปถนัดตาหลังเลือกใช้บริการของเจย์ สเปียริ่งเด็กไร้ประสบการณ์ที่มีดีแค่ลูกขยันมาทดแทน แน่นอนว่าการกลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งของ"แข้งฟ้าประทาน"ย่อมเป็นการเพิ่มโอกาสให้"หงส์แดง"ได้ลุ้นไปยูซีแอล ดาวเตะทีมชาติบราซิลมีจุดขายในเรื่องการเข้าปะทะที่เมื่อซีซั่นก่อนเขาทำสถิติแทคเกิ้ลทุกๆ 15.37 นาทีที่เขาอยู่ในสนามซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งจนหาใครมาเทียบได้ยากและเขาจะสวมบทพรานล่าเนื้อในแผงมิดฟิลด์ตามแผนที่"บีร็อด"ได้วางเอาไว้โดยมีสตีเว่น เจอร์ราร์ดและว่าที่แข้งใหม่อย่างโจ อัลเลนเป็นตัวบัญชาการเกมรุก 4. มิเกล เปเรซ กูเอสต้า หรือ "มิชู" (สวอนซี ซิตี้)
ถือเป็นการลงทุนทางธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยและอาจได้ผลตอบแทนก้อนโตสำหรับสวอนซีที่ยอมเสียเงิน 2 ล้านปอนด์นำเข้ามิชูมาโลดแล่นในแดนผู้ดีหลังกระทุ้งตาข่ายให้ราโญ บาเญกาโน่ในลาลีกาซีซั่นก่อนไปมากถึง 15 ประตูจากแดนมิดฟิลด์ซึ่งทำให้เขาน่าจะเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของกิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน แม้มิชูใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพพ่อค้าแข้งไปกับการเล่นในลีกชั้นล่างแต่เขาก็ปรับตัวได้ดีเมื่อเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดของสเปนเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาและในตอนนี้เราอาจคาดหวังที่จะเห็นฟอร์มแบบนั้นในเวทีพรีเมียร์ลีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่"หงส์ขาว"มีอดีตเพลย์เมคเกอร์จอมคาสสิคอย่างไมเคิ่ล เลาดรู๊ปมาคอยกำกับเกมให้ 3. โอลิวิเยร์ ชิรูด์ (อาร์เซน่อล)
เป็นซัมเมอร์ที่แสนวุ่นวายสำหรับอาร์เซน่อลเมื่อโรบิน ฟาน เพอร์ซี่คิดกบฎอยากเก็บกระเป๋าอำลาทีมในห้วงเวลาที่สโมสรได้ดาวดังอย่างลูคัส โพดอลสกี้มาทำเกมรุกด้านซ้ายในแผนการเล่นสามกองหน้า แต่กลายเป็นว่าชิรูด์คือคนที่เราอยากเห็นฟอร์มมากที่สุด สถิติ 21 ประตูใน 36 เกมที่ชิรูด์ทำไว้เมื่อซีซั่นก่อนจนบันดาลให้มงต์เปลลิเยร์คว้าแชมป์ลีกเอิงได้เป็นสมัยแรกอาจเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่น่าตื่นเต้นมากกว่าคือการได้เห็นแข้งทีมชาติฝรั่งเศสก้าวมาเป็นกองหน้าตัวเป้าของ"ปืนใหญ่"แทนที่ฟาน เพอร์ซี่ซึ่งเขาต้องพบกับความกดดันมหาศาลและต้องพาตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์ตรงนี้ 2. เอด็อง อาซาร์ (เชลซี)
อาซาร์กลายเป้นประเด็นร้อนบนเกาะอังกฤษในซัมเมอร์นี้เมื่อสองทีมชั้นนำจากเมืองแมนเชสเตอร์ต่างพยายามไล่ล่าหมายคว้าตัวแต่สุดท้ายการเป็นตาอยู่อย่างเชลซีที่ซิวนักเตะไปครองด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ยังผลให้แข้งวัย 21 ปีกลายเป็นผู้เล่นราคาแพงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของสโมสรทันที แม้เฟอร์กี้จะออกมาตั้งคำถามถึงค่าตัวของอาซาร์ว่าเหมาะสมแล้วจริง แต่โดยส่วนตัว"ก็อด ฟาเธอร์"แห่งวงการลูกหนังผู้ดีก็ยอมรับว่าแข้งเบลเยี่ยมเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ และหากมองไปที่ขุมกำลังที่เข้ามาใหม่อย่างอาซาร์, ออสการ์หรือมารินต่างก็เป็นแข้งมากคุณภาพที่อาจนำพาทีมของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอไปถึงบัลลังค์แชมป์ลีกได้ 1. ชินจิ คากาวะ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นคือการเฝ้ามองว่าว่าคากาวะจะได้ลงทำเกม ณ จุดไหนในแผนการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สตาร์ทีมชาติญี่ปุ่นสร้างผลงานได้น่าประทับใจกับบทบาทเพลย์เมคเกอร์คอยบัญชาการเกมบุกให้กับทีมในเกมอุ่นเครื่องกับเซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว ทว่าเขาก็พร้อมถ่างออกไปยืนริมเส้นได้เหมือนที่ทำอยู่บ่อยครั้งกับดอร์ทมุนด์ คากาวะปรับตัวเข้ากับเกมการเล่นของ"ปีศาจแดง"ได้เป็นอย่างดีและทักษะการพาบอลเข้าเจาะแนวรับของฝ่ายตรงข้ามย่อมช่วยสโมสรที่ทำได้แค่รองแชมป์เมื่อซีซั่นก่อนยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมา นอกจากนั้นอดีตแข้งเซเรโซ โอซาก้ายังมีศักยภาพมากพอที่จะคอยสร้างสรรค์เกมอยู่หลังเวย์น รูนี่ย์และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับทีมทั้งการยิงประตูและแอสซิสต์เพื่อช่วยให้"ปีศาจแดง"ทวงถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกกลับคืนถิ่นอีกครั้ง http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=637597&sid=ab392e23f96619c749e287452214a166

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น