ความหวังจะเอาแชมป์รายการที่สองมาทดแทนผลงานสุดห่วยในพรีเมียร์ลีกของเคนนี่ ดัลกลิชต้องพังทลายหลังลิเวอร์พูลแพ้เชลซี 2-1 จากประตูของรามิเรสและดร็อกบามอบแชมป์เอฟเอ คัพให้ลูกทีมโรแบร์โต้ มัตโตโอที่เตรียมทำศึกใหญ่ของจริงกับบาเยิร์น มิวนิคในวันที่ 12 พค.นี้
ฟุตบอลเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2555
สนาม : เวมบลีย์
เชลซี 2:1 ลิเวอร์พูล
ประตู : 1-0 รามิเรส น.11, 2-0 ดร็อกบา น.52, 2-1 คาร์โรลล์ น.64
คลิปไฮไลท์ เอฟเอ คัพ เชลซี 2-1 ลิเวอร์พูล
เกมนี้เชลซีเลือกให้ดร็อกบาที่ถูกโฉลกกับถ้วยเอฟเอ คัพลงสนามมาเป็นตัวจริงแทนตอร์เรส ส่วนกองหลังยังให้อิวาโนวิชจับคู่กับเทอร์รี่ไปก่อน ด้านลิเวอร์พูลก็ให้คาร์ราเกอร์กับคาร์โรลล์เป็นแค่สำรองไปมีเบลลามี่ลงมาคู่กับซัวเรส
นัดนี้ยังเป็นการพบกันครั้งแรกในนัดชิงเอฟเอ คัพของทั้งสองทีมด้วยโดยก่อนหน้านี้พวกเขาพบกันมาในฤดูกาลนี้เป็นฝั่ง"หงส์แดง"ที่เอาชนะได้ทั้งสองนัดแต่ผลงานของ"สิงห์บบลูส์"ในช่วงหลังก็ใช่ย่อยเพราะ 12 เกมหลังสุดเพิ่งแพ้มาแค่เกมเดียว
ครึ่งแรก
สไตล์ช้า?!รามิเรสกระชากยิงหายสิงห์นำแล้ว
เกมเริ่มต้นมาทั้งสองฝ่ายยังผลัดกันครองบอลไม่ผลีพผลามกันทั้งคู่และโอกาสที่ได้ลุ้นแบบจังๆครั้งแรกของเกมก็กลายเป็นประตูของ"สิงห์บลูส์"ไปเลยในนาทีที่ 11 จากจังหวะบอลที่จ่ายมาตรงกลางสนามให้กับมาต้าก่อนจะดีดทะลุช่องไปทางขวาให้กับรามิเรสฝ่าเอนริเก้หลุดเข้าเขตโทษก่อนจะยิงอัดเสาแรกผ่านเรน่าเข้าไปตุงตาข่าย เชลซีออกนำไปแล้ว 1-0
หงส์เกือบเจ๊าไว!ถีบจักรยิงติดโปรโขก
"หงส์แดง"เกือบได้ประตูคืนทันควันเหมือนกันหลังไปกดดันหนักแถวเขตโทษเป็นจอห์นสันเปิดเข้าเขตโทษไปแล้วมีอิวาโนวิชโหม่งเคลียร์ออกมาแต่ดันเข้าทางเบลลามี่ยิงซ้ำเข้าไปเลยแต่ก็ยังติดอิวาโนวิชกระดอนออกมาอยู่ดี
ยังทำเกมบุกกันไม่ได้มากเท่าไหร่
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยังได้ผลัดกันครองบอลเข้าใส่โดยทั้งคู่มีโอกาสได้พาบอลเข้าเขตโทษกันหมดแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ได้ยิงกันซักทีจนกาลูมีโอกาสได้ลองส่องไกลระยะ 25 หลาแต่ก็ข้ามคานไปเยอะ
แลมพ์ส่องไกลไม่เ้ข้าเป้า
เกมผ่านครึ่งชั่วโมงมาแล้วแต่โอกาสทั้งสองทีมไม่ค่อยมีกันมากนักเป็นเชลซีที่ครองบอลเหลื่อมกว่าลิเวอร์พูลนิดหน่อยและได้จังหวะลองส่องไกลจากแลมพาร์ดแต่ก็ไม่ได้ลุ้นอะไรมากมายนัก
ดร็อกบาลองส่องไกลยังไม่แม่น
โอกาสในกรอบเขตโทษเน้นๆแทบไม่ค่อยมีกันเลยครานี้เป็น"สิงห์บลูส์"ที่ได้ลองจบอีกแล้วจากดร็อกบาที่พาบอลขึ้นมาเองตรงกลางก่อนจะได้มองแล้วสับไกจากหน้าเขตโทษบอลพุ่งหลุดเสาแรกออกไปพอสมควร
หงส์ลุ้นบ้าง!เฮนโด้โหม่งตั้งซัวเรสโขกไม่ตรง
เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก"หงส์แดง"ก็ได้โอกาสลุ้นบ้างแล้วจากเบลลามี่ได้ที่บอลหน้าเขตโทษทางซ้ายก่อนจะมองยาวในเขตโทษแล้วเปิดเข้าไปให้กับเฮนเดอร์สันเลือกโหม่งชงเข้าไปตรงกลางเลยก่อนซัวเรสจะโฉบมาโหม่งต่ออีกทีแต่ก็ไม่ตรงกรอบ
หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้ลุ้นอะไรกันทำให้จบครึ่งแรกเป็นเชลซีที่นำลิเวอร์พูลอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง
คมกริบ!แมลงสาบยิงด้วยซ้ายไม่มีเหลือ
กลับมาเข้าครึ่งหลังทั้งสองเกมคึกคักกว่าเดิมแลกเข้าใส่กันไวพอสมควรแล้วในนาที 52 ก็กลายเป็นฝั่งน้ำเงินที่ได้ประตูทิ้งห่างออกไปอีกเป็นจังหวะที่บอลขึ้นหน้ามาให้กับแลมพาร์ดล็อกหนีตัวประกบมามองเหมือนจะยิงแต่ก็เลือกจ่ายเข้าเขตโทษทางซ้ายให้กับดร็อกบาจับบอลก่อนทีนึงแล้วจัดการยิงด้วยซ้ายส่งบอลผ่านสเคอร์เทลและเรน่าเสียบเสาไกลแบบหมดจด เชลซีทิ้งห่างออกไปเป็น 2-0
หงส์ส่งคาร์โรลล์ลง-มาต้าได้ลองชิพแต่เบา
ลิเวอร์พูลเสี่ยงแล้วส่งคาร์โรลล์ลงมาแทนสเปียริ่งเสริมตัวเลือกในแดนหน้าแต่โอกาสถัดมายังเป็นของเชลซีอยู่เป็นมาต้าที่ได้โอกาสลองชิพจากหน้าเขตโทษแต่ก็เบาไปเรน่ารับสบาย
แลมพ์กดฟรีคิกหลุดเสานิดเดียว
นาที 62 เชลซีเกือบได้ลูกที่สามเพิ่มเสียด้วยหลังมาได้ฟรีคิกเยื้องไปทางซ้ายระยะเกือบ 30 หลาก่อนจะเป็นแลมพาร์ดรับหน้าที่ยิงวิ่งมากดเต็มแรงส่งบอลผ่านกำแพงติดไซด์ก้อยเลี้ยวหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว
หงส์คึกแล้ว!คาร์โรลล์ยิงเสียบเพดานไล่มาให้
แต่แล้ว"หงส์แดง"ก็กลับมาคึกคักกันเลยทีเดียวหลังมาได้ประตูไล่มาแล้วจากจังหวะที่บอลขึ้นมาทางซ้ายโบซิงวาออกบอลช้าไปหน่อยเจอดาวนิ่งวิ่งเข้ามาสไลด์จนบอลหลุดเขาเขตโทษมีคาร์โรล์วิ่งเข้าไปเก็บก่อนจะโชว์สเต็ปล็อกหลอกเทอร์รี่จะออกขวาก่อนเลือกแต่งเข้าซ้ายแล้วก็กดเต็มๆบอลพุ่งเสียบคานเข้าไป ลิเวอร์พูลไล่มาแล้วเป็น 2-1
หัวขิงยิงไกลขึ้นฟ้า
ลิเวอร์พูลได้ใจบุกแหลกเลยนาที 70 พวกเขาได้โอกาสลองสับอีกครั้งเป็นจังหวะที่ดาวนิ่งวิ่งไปเปิดบอลที่จะหลุดออกหลังเข้าไปตรงกลางมาที่เสาสองและคาร์โรลล์ก็โหม่งชงมาหน้าเขตโทษให้เจอร์ราร์ดวิ่งมายิงแต่ก็หลุดขึ้นฟ้า
หงส์มาแรง!ซัวเรสยิงยังโดนปัด
"หงส์แดง"ครองเกมเหนือกว่าแล้วในช่วงนี้และก็ได้ลองส่องอีกครั้งจากซัวเรสที่พาบอลตัดจากซ้ายเข้ามากลางจนได้ช่องเลือกกดเรียดทันที บอลพุ่งไปเสาแรกแต่เช็คยังปัดออกไปได้
หงส์เฮเก้อ!คาร์โรลล์โขกแต่บอลข้ามไม่เต็มใบ
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูที่สองแล้วเป็นจังหวะที่จอห์นสันเลี้ยงเ้ขาเขตโทษไปก่อนจะปล่อยต่อให้กับซัวเรสมาเล่นและเปิดไปเสาสองให้กับคาร์โรลล์ได้โขกเต็มๆ เช็คพุ่งปัดไปชนคานก่อนเด้่งออกมา "หงส์แดง"เฮกันไปแล้วเพราะคิดว่าเข้าแต่กรรมการไม่ให้โดยภาพรีเพลย์แสดงแล้วเหมือนว่าบอลยังไม่ข้ามไปทั้งใบ
ท้ายเกมหงส์ลุ้นหนัก
้ท้ายเกมลิเวอร์พูลได้กดดันหนักทั้งลูกตั้งเตะลูกเตะมุมแต่โอกาสลองยิงก็มีไม่มากเป็นจอห์นสันได้บอลเคลียร์จากในเขตออกมาแล้วได้ยิงจากหน้าเขตโทษแต่ก็ติดตัวบล็อก
สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ทำไม่สำเร็จแพ้ให้กับเชลซีไป 2-1 ส่ง"สิงห์บลูส์"คว้าแชมป์เอฟเอ คัพสมัยที่ 7 ของพวกเขารวมถึงยังเป็นครึ่งที่ 4 ในรอบ 6 ปีอีกด้วย
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 6.0, แอชลี่ย์ โคล 7.0, จอห์น เทอร์รี่ 6.5, โจเซ่ โบซิงวา 5.5, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6.0, แฟรงค์ แลมพาร์ด 7.0, จอห์น โอบี มิเกล 6.5, รามิเรส 7.5 (เมเรเลส น.77 -), ซาโลมง กาลู 6.0, ฆวน มาต้า 8.0* (มาลูด้า น.90 -), ดิดิเยร์ ดร็อกบา 7.5
สำรองไม่ได้ลงสนาม : รอส เทิร์นบูลล์, เปาโล แฟร์เรร่า, มิเชล เอสเซียง, เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดเนียล สเตอร์ริดจ์
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 5.0, เกล็น จอห์นสัน 6.0, ดาเนียล แอกเกอร์ 7.0, มาร์ติน สเคอร์เทล 6.0, โฆเซ่ เอนริเก้ 4.0, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7.0, สจวร์ต ดาวนิ่ง 5.5, เจย์ สเปียริ่ง 4.5 (คาร์โรลล์ น.55 8.0), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 4.0, เคร็ก เบลลามี่ 5.5 (เคาท์ น.78 -), หลุยส์ ซัวเรส 6.5
สำรองไม่ได้ลงสนาม : โดนี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน เคลลี่, มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ้ เชลวี่ย์
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=594933&sid=be4cbcc0b92d0e1d4e59782d8b6711c9
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น