ยินดีต้อนรับ

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร

1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน

2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา

ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ

3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น

4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน



วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เซโก้เบิ้ล!เรือกระหน่ำหมาป่าแผลเหวอะ 5-2 ทะลุควอเตอร์

"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังร้อนแรงต่อเนื่องแม้โดน"หมาป่า"วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์สพังประตูขึ้นนำไปก่อนแต่สุดท้ายก็พลิกสถานการณ์กลับมาสาดกระสุน ไม่ยั้งจนคว้าชัยเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกันด้วยสกอร์ 5-2 ผ่านเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟน่อลของศึกคาร์ลิ่ง คัพอย่างสวยงาม คาร์ลิ่ง คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันพุธที่ 27 ตุลาคม 2554 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2 : 5 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สนาม : โมลินิวส์ สเตเดี้ยม ประตู : 1-0 เนนาด มิลิยาส น.18, 1-1 อดัม จอห์นสัน น.37, 1-2 ซาเมียร์ นาสรี่ น.39, 1-3 เอดิน เซโก้ น.40, 1-4 โดรุส เด ฟรี่ส์ (ทำเข้าประตูตัวเอง น.50), 1-5 เอดิน เซโก้ น.64, 2-5 เจมี่ โอฮาร่า น.65 คลิปไฮไลท์ คาร์ลิ่ง คัพ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-5 แมนซิตี้ ครึ่งแรก เริ่มเกมมา 12 นาทีวูล์ฟแฮมป์ตันมีโอกาสทักทายก่อนจากจังหวะขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ ฮันท์ที่โยนบอลเข้ามาให้เอ็ดเวิร์ดส์ได้เบียดซาบาเลต้าขึ้นโขกข้ามคาน อีกสองนาทีถัดมาแมนฯซิตี้ได้โอกาสตอบโต้บ้างเมื่อเซโก้ไหลบอลออกซ้ายให้อดัม จอห์นสันลองส่องไกลแต่ไปติดผู้เล่นของเจ้าบ้านเลยได้เป็นลูกเตะมุมแทน อย่าง ไรก็ตามในนาที 18 "หมาป่า"ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อโวคส์กระชากบอลหนีโคโล่ ตูเร่มาได้ก่อนเปิดตบเข้าในบอลหลุดมาเข้าทางมิลิยาสได้ซัดที่ระยะ 10 หลาตุงตาข่าย นาที 22 แคร็ดด็อกไปตัดฟาวล์ใส่เซโก้จนรับใบเหลืองจากผู้ตัดสินไปก่อนที่โคลารอฟแบ็ก ซ้ายตีนหนักเข้ามาจัดการกระทุ้งฟรีคิกจากระยะร่วม 35 หลาหลุดกรอบ อีกสิบนาทีต่อมาราซัคแข้งดาวรุ่งของทีมเยือนก็มาพลาดเสียบอลในแดนตัวเองให้ กับกูดิยาร่าแต่มิดฟิลด์เจ้าบ้านก็ลากบอลไปยิงไม่ตรงกรอบประตู แต่ในนาที 37 "เรือใบสีฟ้า"ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จในจังหวะที่เด ยองก์เปิดบอลจากทางด้านขวาเข้ามาให้เซโก้ส่งต่อไปให้อดัม จอห์นสันซัลโวจากบริเวณหัวกระโหลกเข้าเสียบเสาอย่างเด็ดขาด นาที 39 นาสรี่ก็มาพังประตูให้"เรือใบสีฟ้า"แซงนำ 2-1 หลังอดัม จอห์นสันผ่านบอลเข้ามาให้แล้วเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศสก็ซัดจากบริเวณ เขตโทษด้านขวาเข้าเสียบเสาไกล เท่านั้นไม่พอในนาทีถัดเซโก้ก็ได้โอกาสชาร์จบอลจ่อๆเข้าไปซุกก้นตาข่ายหลัง เด ฟรี่ส์ปัดลูกยิงของมาสคาปัซซี่มาเข้าทางของหัวหอกบอสเนี่ยน ทำให้จบครึ่งแรกแมนฯซิตี้นำวูล์ฟ 3-1 ครึ่งหลัง เข้าสู่ครึ่งหลังยังไม่มีรายงานการเปลี่ยนตัวจากทั้งสองฝ่ายและเพียงนาที 48 "หมาป่า"ก็มีโอกาสได้ประตูอีกครั้งเมื่อฮันท์รับบอลมาจากเอโลโกบี้ทางด้าน ซ้ายแล้วมีเวลาเหลือเฟือในการบรรจงยิงแต่ดันซัดไม่ตรงกรอบ นาที 50 โคลารอฟพาบอลลุยขึ้นมาทางฝั่งซ้ายแล้วจ่ายคืนหลังไปให้นาสรี่ส่งต่อไปให้สคา ปัซซี่แปบอลไปชนแผ่นหลังของเด ฟรี่ส์กลายเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของนายด่านวูล์ฟให้ทีมเยือนทิ้งห่าง 4-1 นาที 61 อดัม จอห์นสันกระชากบอลมาจากทางด้านซ้ายแล้วตัดสินใจลองยิงที่ระยะร่วม 25 หลาแต่บอลหลุดกรอบประตูออกไป ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อในนาที 64 เซโก้ก็มาซัดประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้จากจังหวะที่กองหน้าร่างยักษ์ทำ ชิ่งกับนาสรี่แล้วบอลถูกส่งต่อไปให้สคาปัซซี่ตั้งบอลกลับมาให้อดีตแข้ง โวล์ฟสบวร์กแปบอลเข้าซุกก้นตาข่ายให้ทีมเยือนนำ 5-1 อย่างไรก็ตามในนาทีถัดมาโอฮาร่าที่เพิ่งลงสนามมาพร้อมกับแฮมมิลล์แบบสดๆ ร้อนๆก็มารับบอลจากวาร์ดแล้วกระหน่ำผ่านปันทิลิม่อนเข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้า บ้านไล่ตามมาเป็น 5-2 นาที 68 แนวรับแมนฯซิตี้เคลียร์บอลออกมาไม่ดีเลยทำให้โอฮาร่าหวิดแผลงฤทธิ์อีกครั้ง เมื่อได้จังหวะวอลเล่ย์เต็มข้อแม้ไม่ตรงกรอบแต่ก็ทำให้ปันทิลิม่อนต้องกังวล ไปเหมือนกัน ท้ายเกมนาที 81 โคโล่ ตูเร่ผ่านบอลขึ้นไปข้างหน้าเข้าทางเซโก็ได้โอกาสลุ้นแฮตทริกแต่บอลจากปลาย เท้าของเขาไปติดบล็อกของแคร็ดด็อกเสียก่อน อีกสามนาทีถัดมาเฮนรี่กระชากบอลหนีราซัคมาได้แล้วจ่ายไปให้โอฮาร่ายิงตรงกรอบประตูแต่ไม่ผ่านมือของปันทิลิม่อน จบเกมแมนฯซิตี้เลยบุกไปชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกคาร์ลิ่งคัพได้สำเร็จและทำให้"เรือใบสีฟ้า"ชนะเป็นเกมที่ 5 เกมติดต่อกันจากทุกรายการด้วย รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม วูล์ฟแฮมป์ตัน : โดรุส เด ฟรี่ส์ , จอร์จ เอโลโกบี้, เดวิด เอ๊ดเวิร์ดส์ (คาร์ล เฮนรี่ น.67), โจดี้ แคร็ดด็อค , สตีเฟ่น วาร์ด, สตีเฟ่น ฮันท์ , แซม โวคส์, เนนาด มิลิยาส (เจมี่ โอฮาร่า น.65 ), แม็ทธิว โดเฮอร์ตี้, อัดเลเน่ กูดิยาร่า, เควิน ดอยล์ (อดัม แฮมมิลล์ น.65) แมนฯ ซิตี้ : คอสเทล ปันทิลิม่อน, ปาโบล ซาบาเลต้า, โคโล่ ตูเร่, สเตฟาน ซาวิช , อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, ไนเจล เด ยองก์, อับดุล ราซัค (เจมส์ มิลเนอร์ น.86), ลูคัส สคาปัซซี่ (คาริม เรกิ๊ก น.73), ซาเมียร์ นาสรี่ (เดนิส ซัวเรซ น.67), อดัม จอห์นสัน , เอดิน เซโก้ http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=499449&sid=2189c0efcf24547355ae9f45e36cd6e5

1 ความคิดเห็น: