© Reuters
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รักษาตำแหน่งจ่าฝูงสบายๆเมื่อบุกไปสอยทีม “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ สบายๆ 5-1 ขณะที่ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ยังแกร่งไล่ต้อน โบลตัน ที่เหลือ 10 ตัวกระเจิง 3-0
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งสัปดาห์ก่อนบุกไปเสมอกับ ลิเวอร์พูล มาได้นัดนี้เรียกขุนพลตัวหลักกลับมาครบหลังพักในเกมคาร์ลิ่ง คัพ กลางสัปดาห์ นำโดย เซร์จิโอ “กุน” อเกวโร่ และดาวิด ซิลบา
นัดนี้แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายที่ครองเกมเปิดฉากรุกไล่อย่างเมามัน และมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 32 จากจังหวะที่ ไมกาห์ ริชาร์ดส ลุยเข้าเขตโทษก่อนเลือกเปิดให้ อเกวโร่ ที่ยืนรออยู่ในเขตโทษ แม้จะมีกองหลังล้อมรอบถึง 5 คนแต่ก็ยังหาช่องยิงได้อย่างเหนือชั้น ลูกนี้ยังเป็นประตูโทนในครึ่งแรกของแมนฯ ซิตี้ ด้วย
จากนั้นในครึ่งหลังจ่าฝูงก็แสดงความโหดให้เห็นโดยมาได้ประตูหนีเป็น 2-0 อีกจากจังหวะเซอร์ไพรซ์เมื่อ ซาเมียร์ นาสรี่ เปิดฟรีคิกจากกราบซ้ายเข้าไป ปรากฏว่าจอห์น รัดดี้ ประตูนอริช ไม่เข้าใจกับเพื่อนทำให้บอลกระเด้งพื้นเข้าไปง่ายๆในนาทีที่ 51
ถัดมานาทีที่ 68 สกอร์ก็ขาดเป็น 3-0 จากจังหวะลูกเตะมุมที่เล่นสั้น ก่อนจะเป็น ดาวิด ซิลบา เปิดให้ ยาย่าตูเร่ ยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด แต่นอริช ก็มายิงปลอบใจตัวเองได้ในนาทีที่ 81 จากการโหม่งของ สตีฟ มอร์ริสัน
อย่างไรก็ดีก่อนหมดเวลา 2 นาที มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็ได้บอลจ่ายจาก อดัม จอห์นสัน จนหลุดไปดวลกับจอห์น รัดดี้ แม้จะยิงจังหวะแรกไปติดเซฟ แต่บอลยังมาตกใส่ไหล่กระด้งเข้าประตูไปอีก ก่อนที่ จอห์นสัน จะยิงเองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้แมนฯ ซิตี้ ชนะไปแบบถล่มทลาย 5-1 รักษาจ่าฝูงเหนียวแน่น
อีกทีม “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส เปิดบ้านไวท์ ฮาร์ท เลน รับมือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส โดยเกมนี้ สเปอร์ส ซึ่งเสียฟอร์มพ่ายต่อพีเอโอเค ซาโลนิก้า ในเกมยูโรป้า ลีกคารังหวังเรียกความมั่นใจเต็มที่ และเริ่มต้นเกมได้สวยทีเดียว เมื่อได้ประตูออกนำตั้งแต่นาทีที่ 7 จากจังหวะลูกเตะมุม ลูก้า โมดริช เปิดมาเสาแรกถึง แกเร็ธ เบล ยิงเข้าไปเป็นประตูนำ 1-0
จากนั้นนาทีที่ 18 โบลตัน ก็ยิ่งเสียเปรียบหนักเมื่อ แกรี่ เคฮิลล์ มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามทันที จากจังหวะที่พลาดเสียบอลให้ สกอตต์ ปาร์คเกอร์ ตรงกลางสนามจึงพยายามตามไปดักฟาวล์เอาบอลคืน ผู้ตัดสินใจเด็ดแจกใบแดงทันทีทั้งที่น่าจะเป็นใบเหลืองมากกว่า
อย่างไรก็ดี สเปอร์ส ยิงเพิ่มไม่ได้จนกระทั่งเกมจบครึ่งแรกยังนำอยู่แค่ 1-0 แต่เมื่อกลับมาเล่นในครึ่งหลัง สกอร์ก็ขยับเป็น 3-0 อย่างง่ายๆ โดยมาได้ลูกที่ 2 จากอารอน เลนน่อน ในนาทีที่ 50 และเจอร์เมน เดโฟ ยิงหนีห่างในนาทีที่ 61
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=73855&ch=253
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น