แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำสถิติจบการทัวร์ปรีซีซั่นที่อเมริกาอย่างสวยหรู โดยคว้าชัยชนะ 5 นัดติดต่อกันหลังล้างแค้นสอยบาร์เซโลน่า คู่ชิงแชมเปี้ยนส์ ลีกไปได้ 2-1
ฟุตบอลกระชับมิตร
วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2554
บาร์เซโลน่า 1 : 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ประตู : 0-1 หลุยส์ นานี่ น.22 , 1-1 ทิอาโก้ อัลคานทาร่า น.70 , 1-2 ไมเคิ่ล โอเว่น น.76
คลิปไฮไลท์ บาร์เซโลน่า 1-2 แมนยู (กระชับมิตรสโมสร)
บาร์เซโลน่า และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสองมหาอำนาจลูกหนัง ณ เวลานี้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งบนดินแดนประเทศมหาอำนาจ โดยก่อนหน้านี้บาร์เซโลน่าเพิ่งจะเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ ลีกครองเจ้ายุโรปไปครอง ซึ่งแฟนบอลในอเมริกาเข้ามาชมเกมอย่างคับคั่ง
ครึ่งแรก
จังหวะการทำประตูครั้งแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 10 เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ได้ลุ้นก่อน โดยนานี่ครองบอลอยู่ทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจะผ่านบอลเข้ามาหน้าประตูถึงเวย์น รูนี่ย์ที่ยิงตามน้ำด้วยขวาแต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 15 ราฟาเอล ดา ซิลวาโหม่งเคลียร์ลูกเปิดของบาร์เซโลน่าออกหลัง ก่อนส่งสัญญาณมือเล่นต่อไม่ไหวขอเปลี่ยนตัว โดยเขาได้รับอาการบาดเจ็บจากจังหวะการเข้าปะทะกับเกอิต้าก่อนหน้านี้ และก็เป็นฟาบิโอ ฝาแฝดที่ลงมาทำหน้าที่แบ็คขวาแทน
นาทีที่ 22 แมนฯ ยูไนเต็ดมาออกนำซะแล้ว โดยเป็นจังหวะการสวนกลับที่เวลเบ๊คควบบอลเดี่ยวก่อนจะผ่านบอลเอาชนะกับดักล้ำหน้ามาให้กับหลุยส์ นานี่วิ่งไปดวลเดี่ยวและยิงลอดขาบัลเดสเข้าไปแบบง่ายๆ 1-0
หลังโดนขึ้นนำบาร์เซโลน่าที่ก่อนหน้านี้เล่นกันเอื่อยๆ อยู่นิ่งไม่ไหว นาที 25 อิเนสต้าได้โอกาสส่องไกลจากนอกเขตโทษแต่บอลเหินโด่งข้ามคานออกไป
นาทีที่ 29 เกมทำท่าว่าจะหนักขึ้น โดยแอชลี่ย์ ยังรับบอลจากเพื่อนทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนแตะบอลลอดขาโจนาธาน ดอส ซานโตสแต่แข้งดาวรุ่งไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ รวบยังล้มลงไปด้วยและก็รับใบเหลืองไป
นาทีที่ 35 บาร์เซโลน่าได้ลุ้นประตูอีกครั้ง โดยบีญ่าครองบอลอยู่หน้าเขตโทษก่อนเหลือบไปเห็นอเฟลลายยืนว่างอยู่ทางฝั่งซ้ายจึงไหลบอลไปให้ แต่จังหวะอเฟลลายจะจบสกอร์มุมเหลือน้อยและก็ยิงผ่านหน้าประตูออกไป
ก่อนจบครึ่งแรกเกมในสนามถูกขโมยซีนเล็กน้อย เมื่อกล้องจับภาพไปที่โคบี้ ไบรอันซูเปอร์สตาร์ของวงการบาสเก็ตบอลอเมริกา ก่อนผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลา แมนฯ ยูไนเต็ดนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง
เริ่มต้นครึ่งหลังเซอร์อเล็กซ์ ถอดรูนี่ย์,อันแดร์สันและเอฟร่าออก โดยส่งโอเว่น, กิ๊กส์และสมอลลิ่งลงทำหน้าที่แทน
นาทีที่ 49 บาร์เซโลน่าได้ลุ้นประตูตีเสมอ โดยเป็นบีญ่าที่บรรจงผ่านบอลให้กับอิเนสต้า แต่แข้งหน้าวิทย์จับบอลไม่โดน อย่างไรก็ตามกลายเป็นดีเมื่อบอลมาถึงเปโดรยืนว่างอยู่และปั่นด้วยขวาแต่ดาวิด เด เกอาพุ่งคว้าไว้ติดมือ
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 60 รูปเกมยังคงเป็นเหมือนเดิมโดยทั้งสองทีมไม่สามารถหาโอกาสยิงประตูใส่กันได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะลากไปถึงพื้นที่สุดท้ายและแนวรับป้องกันไว้ได้
นาทีที่ 64 แมนฯ ยูไนเต็ดพลาดโอกาสการทำประตูหนีห่าง 2-0 โดยเป็นเวลเบ๊คที่หลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาและแปรบอลสวนตัวบัลเดสแต่ บัลเดสยังไวปัดบอลไว้ได้ บอลไปเข้าทางของนานี่ได้ซ้ำแต่แข้งอินดี้ยิงเหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 65 บาร์เซโลน่ามีจังหวะทำประตูบ้าง คราวนี้เป็นอิเนสต้าที่ชิพบอลให้กับอัลคานทาร่าหลุดเข้ามาในกรอบเขตโทษ แต่เด เกอายังออกมากดดันไวปัดบอลออกไปได้
นาทีที่ 70 บาร์เซโลน่าตามตีเสมอจนได้ โดยเป็นทิอาโก้ อัลคานทาร่าที่รับบอลจากเพื่อนร่วมทีมก่อนได้ยิงด้วยขวาบริเวณ 25 หลาบอลพุ่งเข้าเสียบสามเหลี่ยมขวาบน ซึ่งดาวิด เด เกอาเพื่อนร่วมชาติได้แต่ยืนมอง
นาทีที่ 76 บาร์เซโลน่าโดนลงโทษจากความผิดพลาดของกองหลังที่จ่ายบอลไม่ดูตาม้าตาเรือถูกเคลฟเวอร์ลี่ย์วิ่งมาฉก ก่อนผ่านบอลให้กับไมเคิ่ล โอเว่นวิ่งหลุดเดี่ยวไปดวลกับวิคตอร์ บัลเดสและอดีตแข้งบัลลงดอร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังชิพบอลผ่านมือเข้าไปนิ่มๆ ผีแดงขึ้นนำอีกครั้ง
นาทีที่ 88 ทิอาโก้ อัลคานทาร่าได้ลุ้นประตูที่สองของตัวเองโดยเก็บตกบอลที่กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ดเคลียร์ไม่ขาดก่อนลองส่องไกลอีกครั้ง แต่คราวนี้กดสี่เหลี่ยมมากไปบอลเหินข้ามคาน
นาทีที่ 90 แมนฯ ยูไนเต็ดฆ่าบาร์เซโลน่าไม่ตายโดยโอแบร์ตองหลุดเดี่ยวขึ้นมาทางขวา ก่อนผ่านบอลระดับ อบจ. ให้กับไมเคิ่ล โอเว่นที่ยืนโล่งๆแต่หัวหอกหมายเลข 7 ยิงแป้กบอลข้ามคานออกไปไม่น่าเชื่อ
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะในการทัวร์อเมริกา 5 นัดรวดยิง 20 ประตูและเสีย 2 ประตูเท่านั้น
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
บาร์เซโลน่า : บัลเดส, อบิดัล (บาลูเชีย น.73), ฟอนทาส(ลูซาโน่ น.73), ดอส ซานโตส, อัลคานทาร่า, อิเนสต้า, เคอิต้า, บุสเก๊ทต์, เปโดร, บีญ่า(คาร์โมน่า น.61), อเฟลลาย(คูเอนก้า น.41)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เด เกอา, ราฟาเอล(ฟาบิโอ น.17), วิดิช(โจนส์ น.77), อีแวนส์, เอฟร่า(สมอลลิ่ง น.46), นานี่, เคลฟเวอร์ลี่ย์, อันแดร์สัน(กิ๊กส์ น.46), ยัง(โอแบร์ตอง น.61), รูนี่ย์(โอเว่น น.46), เวลเบ๊ค(ดิยุฟ น.77)
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=461688&sid=ae199c09856bbc2654928d345a0a7310
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น