ยินดีต้อนรับ
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
แพ้นัดแรก!หงส์พับสนามบุกเสร็จหม้อ 1-0
"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลพลาดหนเดียวเสียจุดโทษต้นเกมพ่ายสโต๊ค ซิตี้หวุดหวิด 1-0 ทั้งๆที่ตลอดทั้งเกมขึงเกมรุกบุกพับสนามอยู่ข้างเดียวเสียซิงหนแรกในรฤดูกาล นี้เรียบร้อยแล้ว
พรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2554
สโต๊ค 1-0 ลิเวอร์พูล
ประตู : 1-0 วอลเทอร์ส น.20(จุดโทษ)
คลิปไฮไลท์ สโต๊ค ซิตี้ 1-0 ลิเวอร์พูล
ครึ่งแรก
สโต๊ค ซิตี้ซึ่งมีคิวเตะยูโรป้า ลีกกลางสัปดาห์หน้าส่งปีเตอร์ เคราช์เด็กเก่าลิเวอร์พูลประเดิมนัดแรกหลังย้ายมาช่วงเดดไลน์เช่นเดียว กับ"ลิงกัง"เจอร์เมน เพนแนนท์อดีตดาวเตะ"หงส์แดง"แถมมีตัวทีเด็ดอย่างรอรี่ ดีแลปที่มีคติประจำตัวคือเจ็บขาดีกว่าเจ็บท่อนแขน
ด้านทีมเยือนใช้ผู้เล่นชุดเดิมที่ถล่มโบลตันโดยที่แอนดี้ แคร์โรลล์นั่งสำรองร่วมกับเคร็ก เบลลามี่หอกตัวใหม่โดยที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดและจอนโจ้ เชลวีย์ตามมาเชียร์ถึงสนามเลยทีเดียว
หม่อมเหยินตะบันข้ามคาน
แค่ 4 นาทีลิเวอร์พูลได้โอกาสเสียวก่อนจากจังหวะหนามหยอกเอาหนามบ่งด้วยลูกบอมบ์ ยาวขึ้นมาหน้าเขตโทษเป็นเคาท์ค้ำแนวรับไว้จนกองหลังสกัดผิดเหลี่ยมไปเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซที่เหมือนจะกั๊กกับชาร์ลี อดัมนอกเขตโทษแต่หอกทีมชาติอุรุกวัยไม่รีรอวอลเลย์กดเต็มเท้าจากระยะ 22 หลาบอลข้ามคานออกไปแบบไม่ค่อยได้ลุ้นมากนัก
หงส์มาเหนือ
"หงส์แดง"ยังเล่นเหมือนในแอนฟิลด์เพราะเป็นฝ่ายครองบอลขึงเกมในแดนเจ้าถิ่น แถมนาทีถัดมาหลังเคาะบอลตามช่องสั้นๆจนมาถึงลูคัสแทงทะลุ 3 ชั้นให้ดาวนิ่งหลุดไปถึงเส้นหลังแล้วเปิดตบเข้าในแต่กองหลังสโต๊คเคลียร์ ทิ้งทันควัน
หม้อยังต่อไม่ติด
ปกติทรงบอลทีมเยือนขิงลิเวอร์พูลเมื่อซีซั่นที่แล้วมักจะต้องตั้งรับโดนฝ่าย ตรงข้ามไล่บดจนโงหัวไม่ขึ้นแต่ตอนนี้ออกแนวลุยใส่คนอื่นรับทำให้ แฟน"หม้อ"ยังหายใจไม่ทั่วท้องมากนักเนื่องจากผ่านมา 15 นาทีเกมรุกยังไม่ได้ทำอันตรายใดๆผู้มาเยือนเลย
ช็อก!หงส์เสียจุดโทษ 1-0
แต่นาที 20 ลิเวอร์พูลที่พยายามบุกอยู่ดีๆมาเสียจุดโทษอย่างง่ายดายหลังลูกบอมบ์กระเด้ง เข้าเขตโทษแล้วคาร์ราเกอร์เบียดกับวอลเตอร์สแต่สู้แรงปะทะไม่ไหวเลยใช้วิธี รั้งกอดดึงไม่ให้หอกหัวโล้นพลิกยิงอย่างโจ๋งครึ่ม แบบนี้มาร์ค แคลทเทนเบิร์กไม่รอช้าเป่าทันทีและวอลเตอร์รับหน้าที่ยิงอัดไปตรงกลางประตู เรน่าล้มผิดทาง สโต๊คนำ 1-0
หม่อมเหยินพลาดตีเสมอ
ทีมเยือนหน้ามืดบุกแหลกจะเอาประตูทันควันและอีก 5 นาทีต่อมาน่าจะตีเสมอได้หลังลิเวอร์พูลเคาะบอลกันสั้นๆตรงปีกซ้ายก่อนซัวเรซ ขวางออกขวาให้สเคอร์เทลที่เหลือบเห็นเฮนเดอร์สันวิ่งทำทางเลยไหลให้ก่อนที่ เจ้าหนูค่าตัวแพงเปิดครอสเข้าในแล้วเบโกวิชพุ่งปัดจะตัดบอลแต่ไปเข้าทางซัว เรซที่ยิงซ้ำด้วยอีซ้ายจากมุมแคบบอลแฉลบกองหลังออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ทีมเยือนเสียบอลสุดท้าย
พอโดนทำทำอะไรก็ไม่ดีและดูเหมือน"หม่อมเหยิน"ไม่ค่อยสบอารมณ์เพื่อนร่วมทีม ซักเท่าไหร่เพราะให้บอลคนอื่นสวยๆแต่พอตัวเองรอให้คนอื่นจ่ายแล้วไม่ได้หรือ จ่ายเสียก็ตจะโบกมือว่าทำไม๊ทำไม
เกมรุกหงส์ยังพอทน
การประสานงานในเกมรุกของ"หงส์แดง"ต้องบอกว่าวูบวาบและเล่นได้รู้ใจแต่พอ จังหวะที่พาบอลไปถึงเส้นหลังหรือริมกรอบโทษแล้วหักเข้าในไม่มีใครเข้าฮอร์ต เพราะซัวเรซถ่างออกมารับบอลเหลือแต่เคาท์หรือตัวอืนๆที่วิ่งมาเล่นแต่ก็ช้า เกินไป
นาที 36 ลิเวอร์พูลน่าตีเสมอได้อีกหนหลังซัวเรซปล่อยบอลไหลแล้วพลิกหนีตัวประกบตรง ริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนตบเลียดเข้าในเขตโทษย้อนไปให้สเคอร์เทลวิ่งมาอัด ตูมบอลข้ามคานออกไปแถมจังหวะนี้มีอาการเจ็บหลังเจอตัวประกบตามสไลด์บล็อก โดนขาหลัง
หม่อมเหยินอีกแล้ว
ไม่ใช่ลำเอียงบรรยายแต่หงส์แต่สโต๊คไม่ได้มีทีเด็ดทำอันตรายใดๆเลยแถมก่อน หมดครึ่งแรก 4 นาทีดาวนิ่งแทงบอลให้ซัวเรซหันหลังพิงพักกองหลังก่อนพลิกไปยิงในเขตโทษมุม แคบด้านขวาแต่เบโกวิชยืนปิดมุมดีเลยรับเอาไว้ได้ แต่หมดครึ่งแรกจบลงที่สโต๊คมีโอกาสยิงเข้ากรอบหนเดียวนั่นคือจุดโทษนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง
หงส์ลุยใส่ทันที
มาตำราเดิมเมื่อลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายขึงใส่ทันทีและสโต๊คตั้งรับรอสวนกลับโดย ใช้ความหนาและสูงใหญ่ของเคราช์และวอลเทอร์สเป็นตัวพักรอหน่วยสวาทมาเสริม
เรียกว่า 10 นาทีในครึ่งหลัง"หงส์แดง"ครองบอลเข้าใส่อย่างเมามันโดยที่ดาวนิ่งขยับไปซ้าย ทีขวาทีและเป็นตัวอันตรายที่แนวรับเจ้าถิ่นยังเอาไม่อยู่ ส่วนเคาท์,เฮนเดอร์สันดูเงียบๆแบบนี้อีกไม่นานสงสัยเบลลามี่และแคร์โรลล์อาจ ได้ลงมาอวดโฉม
ช็อก!หงส์หลุดเดี่ยวล่อเป้า 6 ทียิงไม่ได้
นาที 61 เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกเมื่อเอ็นริเก้ตัดบอลจากแบ็คซ้ายทะลุให้จอร์แดน เฮนเดอร์สันหลุดเดี่ยวแบบโล่งตัวตัวกับนายทวารแต่ยิงไม่เน้นไปติดเซฟหนแรก จากนั้นซ้ำติดเซฟหนสองส่วนหนสามติดบล็อกกองหลังจากนั้นอดัมมายิงติดบล็อกกอง หลังอีกแล้วทีนี้อดัมเจ้าเก่าแตะบอลเข้าเขตโทษซัดด้วยอีซ้ายติดเซฟเบโกวิ ชได้แค่เคะมุม ซัวเรซโวยเฮนเดอร์สันที่ไม่ยอมจ่ายให้ตอนหลุดเดี่ยว ไม่งั้นเข้าไปแล้ว
พี่เคนลุยแหลกส่งแคร์โรลล์+ถีบจักร
นาที 67 ดัลกลิชไม่รอช้าส่งอาวุธในแนวรุกไปเพิ่มทั้งแคร์โรลล์และเบลลามี่โดยถอด เคาท์และเฮนเดอร์สันออกซึ่งที้นีปีกขวาจะมีความเร็วป่วนแนวรับสโต๊คได้ดี กว่าเดิมแล้ว
ดาวนิ่งเกือบเปิดซิง
อีก 3 นาทีต่อมาหลังเคราช์ได้ยิงแฉลบกองหลังเข้ามือเรน่าลิเวอร์พูลได้โอกาสทองอีก ครั้งหลังเบลลามี่โยกไปเล่นฝั่งซ้ายแล้วได้บอลรอเอ็นริเก้วิ่งทำทางก่อนแทง ให้ไปตบบอลจากเส้นหลังย้อยไปเสาสองแล้วดาวนิ่งแอบอยู่โขกเน้นๆ 6 หลาแต่เบโก้วิชกลับมารับไว้ทัน
พับ พับ พับ
"หงส์แดง"วันเวย์อยู่ข้างเดียวเพราะตอนนี้เกมรุกโหดโคตรมีตัวจี๊ดอย่างซัว เรซ,ดาวนิ่ง,เบลลามี่แถมเอ็นริเก้ยังสอดมาช่วยและมีแคร์โรลล์ดึงตัวมาประกบ ได้อีกเยอะแต่ตอนนี้ยังขาดจังหวะสุดท้ายอยู่
หม่อมเหยินเสียวต่อ
นาที 79 ลูคัสแทงทะลุให้ซัวเรซกระชากบอลไปยิงหน้าเขตโทษบอลเลียดบดตีนเฉี่ยวเสาไกลออกไปแต่กรรมการให้เตะมุมหลังมองว่าโดนมือเบโกวิช
ถับจักรโขกเฉี่ยว
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีลิเวอร์พูลยังเผาโอกาสอย่างต่อเนื่องหลังดาวนิ่งเปิดบอลจากเส้นหลังด้วย อีขวาข้างไม่ถนัดบอลเลยล้อนไปเสาสองแล้วเบลลามี่ยืนอยู่คนเดียวโขกย้อนศรลง พื้นบอลออกหลังไปเอง
หงส์พลาดจุดโทษ
นาทีสุดท้ายซัวเรซแถมจะกลืนหัวไลน์แมนหลังจังหวะตบบอลจากเส้นหลังไปถูกมือ อัพสันกองหลังเจ้าถิ่นแต่กลับไม่ให้จุดโทษเลยชวดลุ้นโอกาสตีเสมอกันไป
หมดเวลาลิเวอร์พูลแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้หล่นไปอยู่ที่ 5 ส่วนสโต๊คชนะ 2 เสมอ 2 ขึ้นมาอยู่ที่ 4 แทน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
สโต๊ค : อาร์เมียร์ เบโกวิช,โรเบิร์ต ฮูธ 5.5(วิลกินสัน น.64,6),ไรอัน ชอว์ครอสส์ 8.5*,แมทธิว อัพสัน 8,มาร์ค วิลสัน 6,เจอร์เมน เพนแนนท์ 6,รอรี่ ดีแลป 6(ปาลาซิออส น.71),ดีน ไวท์เฮด 6.5,แมทธิว เอเธอริงตัน 6(โจนส์ น.68,6.5),โจนาธาน วอลเตอร์ส 6.5,ปีเตอร์ เคราช์ 6.5
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6,มาร์ติน สเคอร์เทล 6(จอห์นสัน น.81),เจมี่ คาร์ราเกอร์ 4,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6,โฆเซ่ เอ็นริเก้ 6.5,ลูคัส เลว่า 6.5,ชาร์ลี อดัม 5.5,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 5.5(เบลลามี่ น.67,6.5),สจ๊วต ดาวนิ่ง 5.5,หลุยส์ ซัวเรซ 7.5,เดิร์ก เคาท์ 6(แคร์โรลล์ น.67,6)
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=477679&sid=8d633728aaf5fffb07106897955c7b29
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น