ยินดีต้อนรับ
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555
ถ้วยเล็กแต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
© AP Images
ด้วยความที่ร้างราโทรฟี่มานานถึง 6 ปี ถ้วยใบเล็กที่สุดอย่าง "คาร์ลิง คัพ" จึงเปี่ยมไปด้วยความหมายสำหรับอดีตยักษ์ใหญ่อย่างลิเวอร์พูล
แม้ "หงส์แดง" จะเล่นได้ไม่ดีนัก แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่สำคัญก็คือ "แชมป์" ไม่ว่ามันจะได้มาแบบน่าประทับใจหรือไม่ก็ตาม และการเฉือน คาร์ดิฟฟ์ ไปในการดวลจุดโทษที่เวมบลีย์ เมื่อคืนวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ก็คงจะทำให้เดอะ ค็อปทั้งโลกกลับมามีความสุขกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คงต้องไม่ลืมที่จะให้เครดิต "เดอะ บลูเบิร์ด" ที่เล่นกันแบบสู้ตายถวายหัว จนแทบจะดูไม่ออกเลยว่าพวกเขาเป็นทีมที่มาจากลีกแชมเปียนชิพ เพราะสามารถสู้กับทีมของเคนนี ดัลกลิช ได้อย่างยอดเยี่ยมจนเสมอกัน 2-2 หลังต่อเวลาพิเศษ
ไม่รู้ว่าคนเขียนบทนัดชิงเมื่อคืนนี้จะแอบซาดิสม์หรือเปล่า เพราะเกมเต็มไปด้วยดราม่าทั้งใน 90 นาที 120 นาที และจนถึงการดวลจุดโทษตัดสิน
แฟนบอลหงส์ส่วนใหญ่น่าจะแอบทำใจแล้วหลังจากที่ 2 คนแรกของลิเวอร์พูลยิงจุดโทษไม่เข้า ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ชาร์ลี อดัม ในขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ ซึ่งยิงทีหลังแต่กลับส่งบอลผ่านมือ เปเป้ เรน่า ไปได้ก่อน
ทว่า หลังจากนั้น 3 คนของลิเวอร์พูลกลับยิงเข้าหมด ทิ้งความกดดันอันมหาศาลให้อยู่บนบ่าของ แอนโธนี่ เจอร์ราร์ด ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของกัปตันทีมหงส์แดง
พลันที่ แอนโธนี่ ยิงถากเสาออกไป นักเตะหงส์แดงก็วิ่งถลาเข้ามารุมดีใจกับนายทวารชาวสแปนิช ขณะที่ กองหลังคาร์ดิฟฟ์ คงไม่ต่างอะไรไปกับคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิตในวินาทีนั้น
สตีเว่น ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่าในขณะที่เขาดีใจสุดๆ กับชัยชนะของลิเวอร์พูล แต่อีกใจหนึ่งก็อดสงสารลูกพี่ลูกน้องตัวเองไม่ได้
"มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายเสมอเวลาที่ต้องเตะจุดโทษตัดสิน แต่มันก็ต้องมีทีมที่แพ้ และไม่ว่าผมจะพูดยังไงก็คงไม่ทำให้ แอนโธนี่ หายเศร้าได้อยู่ดี แต่ผมจะอยู่เคียงข้างเขาและทุกคนในครอบครัวก็จะเป็นกำลังใจให้เขาต่อไป" เจอร์ราร์ด ของหงส์แดง กล่าว
จริงอยู่ที่เวมบลีย์ 2012 อาจจะไม่ถูกจดจำในฐานะค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่เหมือนการคว้าแชมป์ที่โรม 1984, อิสตันบูล 2006 หรือแม้แต่กระทั่งคาร์ดิฟฟ์ 2006 เพราะคู่แข่งของพวกเขามาจากลีกที่อยู่ระดับต่ำกว่า
ทว่า ภาพนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอลที่ระเบิดอารมณ์ดีใจกันสุดขีดราวกับได้แชมป์พรีเมียร์ลีกหรือยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ก็คงจะพออธิบายได้ว่าพวกเขามีความอัดอั้นและกดดันมากเพียงใดที่จะคว้าถ้วยลีก คัพ สมัยที่ 8 มาครองให้ได้ เพื่อยุติการคว้าน้ำเหลวมานานถึง 6 ปีเต็ม
ครั้งสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลได้ชูโทรฟี่ก็คือการเฉือนชนะ เวสต์แฮม ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ 2006 ซึ่งตอนนั้นยังเล่นกันที่สนามมิลเลนเนียม สเตเดียม เพราะเวมบลีย์กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง
การได้กลับมาเล่นที่เวมบลีย์อันถือเป็นสนามศักดิ์สิทธิของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีจึงน่าจะเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับนักเตะหลายคนของหงส์แดง เพราะก่อนลงสนาม หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย ก็เคยบอกว่าแค่ได้เข้าชิงที่สนามแห่งนี้ก็เหมือนเป็นฝันที่เป็นจริงแล้ว
ยิ่งคว้าแชมป์ได้สำเร็จแบบนี้ก็คงยิ่งทำให้ฝันดียิ่งขึ้นไปอีก และน่าจะทำให้สาวกหงส์แดงทั้งหลายเริ่มฝันต่อว่า "คาร์ลิง คัพ 2012" จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของทีมรักในการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังอีกครั้งอย่างที่ เจอร์ราร์ด และ "คิง เคนนี่" ได้ลั่นวาจาเอาไว้ด้วย
สุดท้ายก็ต้องขอแสดงความดีใจกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง และขอปรบมือดังๆ ให้กับผู้แพ้ที่น่าชื่นชมอย่าง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และหากพวกเขาเล่นได้ดีแบบนี้ ไม่แน่ว่าฤดูกาลหน้าพวกเขาอาจจะได้กลับมาต่อกรกับหงส์แดงในศึกพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=76754&ch=262&ch=scoop">
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น