ยินดีต้อนรับ

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร

1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน

2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา

ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ

3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น

4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน



วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ไม่ง่ายซะแล้ว แมนซิ



© AP Images
หลังจากที่โชว์ฟอร์มสุดฮอตในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีอันต้องมาถูก นาโปลี ดับซ่าด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งนั่นทำให้ "เรือใบสีฟ้า" หมิ่นเหม่ต่อการจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนส์ ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย


แม้ว่านัดสุดท้ายในกลุ่ม เอ ลูกทีมของโรแบร์โต มันชินี่ จะได้เปิดบ้านรับการมาเยือนบาเยิร์น มิวนิค ที่ลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มไปแล้ว แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่แมนฯ ซิตี จะเอาชนะ "เสือใต้" ได้ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้

และถึงแม้ "เรือใบสีฟ้า" จะเก็บ 3 แต้มเต็มได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะตามจ่าฝูงบุนเดสลีก้าเข้ารอบน็อคเอาต์ได้ทันที เพราะยังต้องภาวนาไม่ให้ นาโปลี บุกไปชนะที่บียาร์เรอัลด้วย

ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ มันโช่ จะยอมรับว่าโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบของทีมเหลืออยู่แค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หลังจากที่ดันไปเสียท่าที่ซาน เปาโล เมื่อคืนวานนี้ (22 พ.ย.)

ความจริงแล้วก็น่าเห็นใจซิตี้อยู่เหมือนกัน เพราะอุตส่าห์ได้ผ่านเข้ามาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรก แต่ก็ดันโชคร้ายมาอยู่กรุ๊ป ออฟ เดธ ซะได้ เพราะทั้ง บาเยิร์น, นาโปลี และ บียาร์เรอัล ต่างก็ถือเป็นทีมแถวหน้าจากลีกชั้นนำของยุโรป

ที่ผิดคาดอยู่บ้างก็คงจะเป็น "เรือดำน้ำสีเหลือง" ที่แพ้รวดทั้ง 5 นัด และนั่นทำให้กุนซือชาวอิตาเลียน เชื่อว่าบียาร์เรอัล จะต้องพยายามเล่นเต็มที่เพื่อที่จะกู้หน้าด้วยการคว้า 3 แต้มปิดท้าย (ไม่ให้ขายขี้หน้ามากไปกว่านี้)

อย่างไรก็ตาม หาก นาโปลี บุกไปชนะที่เอล มาดริกาล ขึ้นมา ทุกอย่างก็เป็นอันจบเห่สำหรับแมนฯ ซิตี้ ในการลุ้นความสำเร็จในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปฤดูกาลนี้ เพราะต่อให้พวกเขาถล่มบาเยิร์น 10-0 ก็ยังจะตกรอบอยู่ดี เพราะตอนนี้ "เสือใต้" นำโด่ง 13 แต้ม ตามด้วย นาโปลี 8 แต้ม, ซิตี้ 7 แต้ม และ บียาร์เรอัล 0 แต้ม

จะว่าไปแล้ว "เรือใบสีฟ้า" ก็ไม่ได้รับการคาดหมายว่าจะทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก ในการลงเล่นครั้งแรกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าฟอร์มที่ร้อนแรงในพรีเมียร์ลีกอาจะทำให้แฟนบอลอดลุ้นไม่ได้ว่า พวกเขาอาจจะเป็นตัวเซอร์ไพรส์ท่ามกลางบรรดาขาใหญ่ของทัวร์นาเมนต์อย่าง บาร์เซโลน่า, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, มิลาน, บาเยิร์น หรือ เรอัล มาดริด

นับตั้งแต่ชีค มานซูร์ อภิมหาเศรษฐีจากอาบู ดาบี เข้ามาเทคโอเวอร์ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2008 แมนฯ ซิตี้ ก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากได้นักเตะฝีเท้าดีมาเสริมทัพหลายคน โดยเฉพาะที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในซีซั่นนี้อย่าง เซร์จิโอ อเกวโร่ "กุน" และ ดาวิด ซิลบา

งบประมาณ 800 ล้านปอนด์ (ราว 40,000 ล้านบาท) ถูกหว่านซื้อผู้เล่นระดับสตาร์มาร่วมทีมไม่อั้น รวมถึงค่าเหนื่อยแพงระยับที่ล่อใจให้ใครหลายคนยอมเปลี่ยนมาสวมยูนิฟอร์มสี ฟ้าแม้ว่าจะไม่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เหมือนเพื่อนร่วมเมืองอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดก็ตาม

การใช้เงินซื้อความสำเร็จดูเหมือนว่าจะไปได้สวยในพรีเมียร์ลีก เพราะหลังจากผ่านไปแล้วเกือบ 1 ใน 3 ของโปรแกรมการแข่งขัน ซิตี้ นำโด่งเป็นจ่าฝูง ทิ้งห่างแชมป์เก่าอย่าง "ปีศาจแดง" อยู่ 5 แต้ม และมีประตูได้-เสียถึง +31 ลูก

ลูกทีมของมันชินี่ เล่นด้วยความมั่นใจและดูจะไร้เทียมทานในอังกฤษเวลานี้ เพราะเป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ใครหลังผ่านไปแล้ว 12 นัด แต่ผลงานในแชมเปียนส์ ลีกกลับตรงกันข้าม เพราะผ่านไปแล้ว 5 นัด พวกเขามีสถิติชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 และต้องมาเจอ "เสือใต้" ในนัดสุดท้ายอีก ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นงานหนักของจริง

ในขณะที่ แฟนบอลหรือแม้กระทั่งลูกทีมอาจจะกำลังอยู่ในช่วงแห่งความหลงระเริง แต่โค้ชชาวอิตาเลียนกลับมองลึกซึ้งกว่านั้นเพราะเขาพูดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนไป เยือนนาโปลี 1 วันว่า "บางทีเราอาจจะพุ่งแรงเกินไป และเราจำเป็นที่จะต้องหยุดซักพักเพื่อหันมาสะท้อนความเป็นจริง (ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน)"

ความปราชัยเหนือ นาโปลี ก็คงจะช่วยดึงให้กองเชียร์และนักเตะกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นว่า การที่จะประสบความสำเร็จในถ้วยยุโรปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคู่แข่งแต่ละทีมล้วนแต่เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=73505&ch=262&ch=scoop

2 ความคิดเห็น: