ยินดีต้อนรับ

วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร

1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน

2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา

ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ

3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น

4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน



วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หงส์มากับดวงซัดจุดโทษล้มคาร์ดิฟฟ์ 3-2 ซิวคาร์ลิ่งสมัย 8


© AP Images
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ มาครองได้อย่างหืดขึ้นคอสุดๆหลังโดน คาร์ดิฟฟ์ ไล่ตีเสมอ 2-2 ในนาที 118 แต่สุดท้ายมากับดวงยิงจุดโทษชนะไป 3-2


ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ (26 ก.พ.55)

คาร์ดิฟฟ์ 2-2 ลิเวอร์พูล (เสมอ 120 นาที 2-2 ลิเวอร์พูล ชนะจุดโทษ 3-2)
สนาม : เวมบลีย์
ประตู :
1-0 เมสัน 19
1-1 สเคอร์เทล 60
1-2 เคาท์ 107
2-2 เทอร์เนอร์ 118

ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ นัดชิงชนะเลิศ ศึกใหญ่ตัดสินโทรฟี่แชมป์ใบแรกของฟุตบอลเมืองผู้ดีฤดูกาลนี้เป็นการพบกันระหว่าง “เดอะ บลูเบิร์ดส” คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สโมสรจากลีกแชมเปี้ยนชิพ พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ตัวเต็งจากพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติแชมป์สูงสุด 7 สมัยด้วย

นัดนี้ เคนนี่ ดัลกลิช ยึดผู้เล่นชุดที่ถล่มไบรท์ตัน 5-1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนำโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด, หลุยส์ ซัวเรซ และแอนดี้ แคร์โรลล์ แต่ปรับแนวรับให้ดาเนี่ยล แอกเกอร์ ลงแทนเจมี่ คาร์ราเกอร์ ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ นำโดยเคนนี่ มิลเลอร์ และมีแอนโธนี่ เจอร์ราร์ด ลูกพี่ลูกน้องของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นตัวสำรองด้วย

เริ่มเกมมานาทีเดียวลิเวอร์พูล พลาดการได้ประตูนำอย่างน่าเสียดายเมื่อโต้กลับเร็วมา เจอร์ราร์ด แทงบอลให้ดาวนิ่ง แปะกลับมาให้ เกล็น จอห์นสัน จับบอลตรงหน้าเขตโทษก่อนปั่นไปชนคานเข้าอย่างจัง เจอร์ราร์ด จะซ้ำก็หวดยิงนกไปไกล

หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองเกมได้อย่างหมดจด โดยคาร์ดิฟฟ์ นานๆจะได้บุกขึ้นมาทีและมีลุ้นจากจังหวะที่เซ็ตบอลเร็วเข้าเขตโทษและเป็น มิลเลอร์ ได้ซัดในเขตโทษแต่บอลข้ามคานออกไป

เกมเริ่มช้าลงโดยคาร์ดิฟฟ์ เริ่มตั้งหลักได้ และยังมีทีเด็ดด้วย โดยเป็นจังหวะที่เซ็ตบอลขึ้นมาง่ายๆ และเป็น เอ็นริเก้ ที่พลาดยืนตำแหน่งลอย ทำให้มิลเลอร์ ไหลตามช่องให้ โจ เมสัน หลุดไปยิงลอดขาเรน่าเข้าไป คาร์ดิฟฟ์นำ 1-0

ลิเวอร์พูล โดนก่อนก็พยายามตั้งลำกลับมาแต่หาจังหวะเข้าทำได้ยากเนื่องจากคาร์ดิฟฟ์ ตั้งรับได้เหนียวแน่นมาก โดยโอกาสที่ถือว่าได้ลุ้นมีลูกยิงไกลของ ชาร์ลี อดัม ที่เก็บบอลแถวสองได้ก่อนซัดด้วยซ้ายถากเสา ก่อนที่จะมีจังหวะช่วงท้ายครึ่งแรก เจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกเข้ามาถึง แอกเกอร์ ที่สอดขึ้นมาโขกเหน่งๆเลยแต่ว่าโหม่งไปตรงตัวฮีตันอีก สุดท้ายคาร์ดิฟฟ์ ยังนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง คาร์ดิฟฟ์ ขอขู่ก่อนด้วยจังหวะประสานงานสวยๆ ปีเตอร์ วิตติงแฮม พาบอลผ่านแอกเกอร์ได้ก่อนจะจ่ายให้ คาววี่ ตอกส้นให้ มิลเลอร์ ที่ยืนรับบอลมุมเขตโทษก่อนซัดถากเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็พยายามจะทำทุกทางให้ตีเสมอก่อนแต่เจาะเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านแนวรับจน ดัลกลิช ต้องถอดเอาเฮนเดอร์สัน ที่เล่นได้แย่ออกแล้วให้ เบลลามี่ ลงมาเติมความจัดจ้านในแนวรุกแทน

เบลลามี่ ลงมายังไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากนักแต่ลิเวอร์พูล กลับตีเสมอได้ในนาทีที่ 60 พอดีจากจังหวะลูกเตะมุม ดาวนิ่ง เปิดเข้ามาถึง แคร์โรลล์ เทคตัวโหม่ง ลูกมาถึง ซัวเรซ โขกเช็ดเปลี่ยนทางตรงกรอบ 6 หลาแต่ลูกไปชนเสามาเข้าทาง สเคอร์เทล เก็บบอลได้ก่อนซ้ำเข้าไปสำเร็จ สกอร์จึงกลับมาเสมอกัน 1-1

เมื่อตีเสมอได้ ลิเวอร์พูล ก็เน้นความแน่นอนในเกมบุกมากขึ้นทำให้จังหวะของเกมยังตื้อๆอยู่แม้จะครองบอลลบุกได้มากกว่าก็ตาม โดยจังหวะง้างเท้าจังๆก็ยังมาจากลูกเตะมุม และเป็น สเคอร์เทล เจ้าเก่าที่ได้หวดที่เสาไกลแต่ว่าบอลตรงตัว ฮีตัน ที่ยืนคุมเสาได้ยอดเยี่ยม

นาทีที่ 77 ดาวนิ่ง มีจังหวะได้หวดจากระยะ 25 หลา บอลแฉลบเล็กน้อยเปลี่ยนทางทำเอา ฮีตัน ต้องผวาไปปัดบอลอย่างหวุดหวิด ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ ก็มีจังหวะได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะอันตราย แต่ปีเตอร์ วิตติงแฮม เพลย์เมคเกอร์ตัวกลั่นปั่นบอลไปติดกำแพง

ลิเวอร์พูล ยังมีปัญหาในเกมรับโดยเกือบเสียท่าเมื่อปล่อยให้คาร์ดิฟฟ์ เปิดเข้ามาที่เสาไกลและมีคาววี่ เทคตัวขึ้นโขกบอลกดลงพื้นแต่ลูกเข้าหน้าต่าง ทำเอาเรน่า ต้องโวยเพื่อนที่ปล่อยให้โหม่งง่ายๆ แต่ลิเวอร์พูล ก็พลาดโอกาสทองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อกองหลังคาร์ดิฟฟ์ โหม่งพลาดทำให้ ซัวเรซ ได้หลุดเดี่ยวแล้วแต่ดันพักบอลไม่ดีพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ เจอร์ราร์ด จะได้โอกาสซัดหน้าเขตโทษแต่ก็แปข้ามคานออกไปไกล สุดท้ายจบ 90 นาทียังเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ

ในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองเกมได้เกือบทั้งหมด โดยมีโอกาสตั้งแต่เริ่มไม่ถึงนาทีเมื่อ ซัวเรซ ได้บอลจากเบลลามี่ก่อนซัดเรียดถากเสา และได้โขกลูกเตะมุมในจังหวะต่อมาแต่ก็โดนสกัดได้บนเส้นหวุดหวิด

จากนั้น คาร์ดิฟฟ์ ยังตั้งรับเป็นหลักโดยมีการส่ง แอนโธนี่ เจอร์ราร์ด ลงสนามแทนมาร์ค ฮัดสัน ที่เล่นต่อไม่ไหว โดยรูปเกมถือว่าตั้งรับได้อย่างดี แต่ลิเวอร์พูล มาหาจังหวะในช่วงท้ายของ 15 นาทีแรกของการต่อเวลาทั้งจากการโขกของแคร์โรลล์ จังหวะลากแต่งบอลยิงเองในเขตโทษของเบลลามี่ และลูกยิงไกลของจอห์นสัน แต่ก็ไม่เข้ากรอบทั้งหมด ทำให้เกมหมดครึ่งแรกของการต่อเวลาสกอร์ยังหยุดที่ 1-1

แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของการต่อเวลาแค่ 2 นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูขึ้นนำบ้างเป็น 2-1 เมื่อ เดิร์ค เคาท์ กระชากบอลขึ้นมาเองถึงระยะ 20 หลา ก่อนซัดจังหวะแรกแป้กแต่บอลโดนสกัดมาเข้าทางก่อนยิงซ้ำอีกดอกบอลเข้าเสาแรกไปแบบเหลือเชื่อ

ทว่าหลังจากที่นำแล้ว ลิเวอร์พูล กลับค่อยๆแผ่วไปเองปล่อยให้ คาร์ดิฟฟ์ บดขยี้อย่างหนัก จนสุดท้ายก่อนหมดเวลา 2 นาทีก็โดนตีเสมอจากลูกเตะมุม บอลมาถึง เทอร์เนอร์ ที่เสาไกลโดยแม้จะมีเคาท์ พยายามขวางเหมือนที่ช่วยเซฟทีมจากการโขกสกัดบอลได้หวุดหวิดในจังหวะก่อนหน้า แต่เทอร์เนอร์ ไม่พลาดลูกนี้ซัดเผาขนเข้าไป สุดท้ายเกมจึงจบลง 120 นาทีด้วยการเสมอกัน 2-2 ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ

สุดท้ายปรากฏว่า ลิเวอร์พูล ชนะในการดวลจุดโทษ 3-2 โดย 2 คนแรกของลิเวอร์พูลคือเจอร์ราร์ด กับอดัม ยิงไม่เข้าแต่ยังมีดวงเมื่อ มิลเลอร์ และเกสเตเด ยิงไปชนเสา และคนสุดท้ายแอนโธนี่ เจอร์ราร์ด ยิงพลาดทำให้ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ไปครองแบบมีดวงสุดๆ
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=76692&ch=253

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น