ยินดีต้อนรับ
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555
ทีมยอดเยี่ยม 20 ปีพรีเมียร์ลีก
© Reuters
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจริงๆ เพราะพรีเมียร์ลีกได้เดินทางมาถึงฤดูกาลที่ 20 แล้ว นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1
ด้วยเหตุนี้เว็ปไซต์กีฟมีฟุตบอลของเมืองผู้ดี จึงได้เปิดให้คอบอลได้โหวตกันว่าตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ใครคือนักเตะที่ดีที่สุดในแต่ละตำแหน่ง
ล่าสุดโผก็ได้ออกมาแล้วเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่ง 11 ตำแหน่งในทีมยอดเยี่ยมจะตรงกับใจของแฟนลูกหนังในเมืองไทยหรือเปล่า ก็ลองติดตามด้านล่างกันได้เลย
ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ ชไมเคิล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด/ แอสตัน วิลลา / แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
(ลงสนาม 310 นัด ทำได้ 1 ประตู)
คงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครโต้แย้งว่ายักษ์เดนส์ไม่สมควรได้ตำแหน่งนายทวารยอดเยี่ยม เพราะนับตั้งแต่ที่ ชไมเคิล เข้ามาเฝ้าเสาให้ "ปีศาจแดง" เขาก็โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างความอุ่นใจในแนวรับได้เสมอ
ชไมเคิล ถือเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะนับตั้งแต่ย้ายจากบรอนด์บี้มาเมื่อปี 1999 เขาก็พาทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์เป็นว่าเล่น จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งจอมหนึบที่ดีที่สุดในโลกเลยทีเดียว
แบ็กขวา : แกรี่ เนวิลล์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
(ลงสนาม 397 นัด ทำได้ 7 ประตู)
เนวิลล์ ผู้พี่เป็นหนึ่งในเด็กปั้นของเฟอร์กี้ และเขาก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในฟูลแบ็กที่ดีที่สุดในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เพราะมีนักเตะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถยืนระยะในระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกได้นานกว่า 15 ปี
การประสานงานของ แกรี่ และ เดวิด เบ็คแฮม ทางฝั่งขวาของสนามถือเป็นอาวุธเด็ดที่ยูไนเต็ดใช้เล่นงานคู่แข่งมาโดยตลอด และพวกเขาก็เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ปีศาจแดงประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วย
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายอาชีพการค้าแข้งของเขาถูกบดบังด้วยปัญหาบาดเจ็บที่รบกวนอย่างต่อเนื่องจนต้องตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปในที่สุด
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : โซล แคมป์เบลล์ (สเปอร์ส / อาร์เซนอล / พอร์ทสมัธ / นิวคาสเซิล)
(ลงสนาม 503 นัด ทำได้ 20 ประตู)
อาจจะเคยถูกประณามว่าเป็น "จูดาส" (Judas) หลังจากที่ทรยศแฟนบอล "ไก่เดือยทอง" ด้วยการย้ายซบทีมคู่แค้นหมายเลข 1 อย่างอาร์เซนอลเมื่อปี 2001 แต่ก็คงต้องยอมรับว่าถ้าพูดกันในเชิงลูกหนังเพียวๆ แล้ว แคมป์เบลล์ สมควรได้รับการยกย่องคนหนึ่ง
การย้ายไปอยู่ทีมศัตรูทำให้กองหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองให้ได้ และเขาก็ทำสำเร็จกับ "ปืนใหญ่" และเป็นหนึ่งในทีมชุด Invinicible ซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยสถิติไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04 ด้วย
หลังจากนั้น แคมป์เบลล์ ก็ย้ายไปเล่นกับทีมพอร์ทสมัธและนิวคาสเซิล ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นทีมหัวแถว แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่อังกฤษเคยมีมา
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : โทนี่ อดัมส์ (อาร์เซนอล)
(ลงสนาม 253 นัด ทำได้ 14 ประตู)
หัวใจสำคัญในแนวรับของทีมปืนใหญ่ อดัมส์ เป็นนักเตะที่ทุ่มเทชนิดเกินร้อยเสมอเวลาลงสนาม และนั่นก็ทำให้เขาเป็นที่รักของสาวกเดอะกันเนอร์ส มาตั้งแต่สมัยยังใช้สนามไฮบิวรี
แม้ว่าจะมีปัญหานอกสนามเรื่องอาการติดสุราเรื้อรัง แต่นั่นก็ไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของเขาในฐานะกองหลังที่เหนียวแน่นที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีได้
อดัมส์ พาอาร์เซน่อลคว้าแชมป์ลีกในฐานะกัปตันทีมมา 2 ครั้ง และยุคทองของเขากับสโมสรคือตอนที่มี มาร์ติน คีโอน, สตีฟ โบล์ และ แคมป์เบลล์ ช่วยกันคุมแผงหลัง
แบ็กซ้าย : แอชลี่ย์ โคล (อาร์เซน่อล /เชลซี)
(ลงสนาม 335 นัดทำได้ 15 ประตู)
ไม่ใช่แค่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่ โคล ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลกด้วย เขาคือกองหลังที่ชื่นชอบการเติมเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ และการเปิดบอลเข้าไปหน้าประตูแต่ละครั้งก็มักจะสร้างปัญหาให้กับแนวรับฝ่ายตรงข้ามด้วย
แม้ว่ารูปร่างจะไม่ได้สูงใหญ่ แต่สิ่งที่ โคล โดดเด่นเป็นพิเศษก็คือความจี๊ดของเขานั่นเอง การย้ายจากอาร์เซน่อลไปอยู่กับเชลซี แน่นอนว่าย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าเดอะ กันเนอร์ส ในฐานะทีมคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าในแง่ของเส้นทางอาชีพแล้ว การย้ายทีมจะทำให้เขาประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม
มิดฟิลด์ฝั่งขวา : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
(ลงสนาม 196 นัด ทำได้ 84 ประตู)
จากที่เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงแรกที่ย้ายมาเล่นในลีกอังกฤษเพราะตะบี้ตะบันเลื้อยจนเพื่อนร่วมทีมเอือมระอา แต่หลังจากที่ปรับตัวได้ โรนัลโด้ ก็กลายเป็นอาวุธเด็ดของปีศาจแดงอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่านอกจากความเร็วและทักษะที่ยอดเยี่ยมแล้ว โรนัลโด้ ยังมีลูกฟรีคิกที่มีลุ้นเสมอ โดยฤดูกาล 2007-08 สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสทำไปได้ถึง 42 ประตูเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม อีโก้จัดของเขาทำให้แฟนบอลทีมอื่นรู้สึกหมั่นไส้ไปแบบช่วยไม่ได้ รวมถึงมักจะถูกวิจารณ์ว่าเป็นจอมพุ่งด้วย
มิดฟิลด์ตัวกลาง : ปาทริค วิเอร่า (อาร์เซน่อล / แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
(ลงสนาม 307 นัด ทำได้ 32 ประตู)
"เจ้าปั๊ต" คือกุญแจสำคัญไม่แพ้ อดัมส์ ที่ช่วยให้ทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ซึ่งรวมถึงฤดูกาลที่ไม่แพ้ใครด้วย
สไตล์การเข้าบอลที่ดุดัน มุ่งมั่นเต็มที่ และเซนส์บอลที่ยอดเยี่ยมทำให้ วิเอร่า ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดของยุโรป กระนั้นก็ตาม เขามักจะตกเป็นผู้ต้องหาว่าเล่นรุนแรงเกิดเหตุอยู่บ่อยครั้ง หรือบางครั้งก็เป็นแบดบอยดังเช่นกรณีที่ถ่มน้ำลายใส่ นีล รัดด็อค
ทว่า การต่อสู้ในแผงกองกลางระหว่างเขากับ รอย คีน กัปตันทีมปีศาจแดง น่าจะเป็นคู่ต่อกรที่น่าดูที่สุดในพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
มิดฟิลด์ตัวกลาง : รอย คีน (น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
(ลงสนาม 366 นัด ทำได้ 39 ประตู)
กองกลางพันธุ์ดุชาวไอริช เป็นห้องเครื่องสำคัญของยูไนเต็ด และเขาก็ช่วยให้แผงมิดฟิลด์ของเฟอร์กี้แข็งแกร่งกว่าใคร แม้ว่าบางครั้งอารมณ์ที่ร้อนเกินไปของเขาจะส่งผลให้โดนใบเหลืองเป็นประจำ (หรือแม้กระทั่งใบแดง)
คีน ไม่เคยกลัวที่จะเข้าบอลหนักๆ และการจับคู่ของเขากับ พอล สโคลส์ ก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย และนั่นก็ทำให้แนวรับของทีมมีงานเบาลงด้วยเพราะมีเขาคอยช่วยสกรีนไม่ให้บอลไปถึงแดนหลังได้ง่ายๆ ด้วย
มิดฟิลด์ฝั่งซ้าย : ไรอัน กิ๊กส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
(ลงสนาม 593 นัด ทำได้ 107 ประตู)
ปีกจอมเก๋าที่ยังยืนหยัดในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีได้อย่างน่าทึ่ง กิ๊กส์ คือตัวอย่างชั้นดีของนักเตะอาชีพที่สามารถดูแลและรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีต่อเนื่องมาร่วม 2 ทศวรรษ (ไม่นับข่าวฉาวนอกสนามเรื่องการเล่นชู้กับเมียน้องชายตัวเอง ที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่างเป็นที่สุด)
กิ๊กส์ เป็นนักเตะเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูได้ในทุกฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก และเขาก็เป็นนักเตะที่คว้าเหรียญแชมป์มากที่สุดในวงการลูกหนังอังกฤษด้วย
แม้จะใกล้เข้าเลข 4 แล้ว แต่ความเร็วของปีกชาวเวลส์ก็ยังสร้างอันตรายให้กับแนวรับคู่แข่งได้เสมอ และแน่นอนว่าเขากลายเป็นตำนานในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่ายังไม่ได้แขวนสตั๊ดก็ตาม
กองหน้า : อลัน เชียเรอร์ (แบล็คเบิร์น / นิวคาสเซิ่ล)
(ลงสนาม 441 นัด ทำได้ 260 ประตู)
เจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกที่คาดว่าไม่น่าจะมีใครลบล้างลงได้ในเร็ววันนี้ ซึ่งนั่นทำให้ "ฮอต ช็อต" เป็นสุดยอดกองหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่ลีกเมืองผู้ดีเคยเห็นมา
ด้วยความที่มีรูปร่างสูงใหญ่ทำให้เขาสามารถเบียดกับกองหลังคู่แข่งได้สบายๆ และนอกจากจะเด่นในเรื่องลูกกลางอากาศแล้ว สัญชาตญาณการยิงประตูในกรอบเขตโทษของเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร
เชียเรอร์ สร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะตำนานของทีม "สาลิกาดง" โดยที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรก่อนที่จะอำลาทีมไป รวมถึงการเป็นดาวยิงขวัญใจทีมชาติอังกฤษด้วย
เอริค คันโตน่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
(ลงสนาม 156 นัด ทำได้ 70 ประตู)
ตำแหน่งนี้อาจจะมีข้อแย้งกันบ้างว่าก็องโต้ น่าจะเป็นศูนย์หน้าหรือเพลย์เมกเกอร์กันแน่ แต่ที่แน่ๆ เขาคือนักเตะคนสำคัญที่ปีศาจแดงแทบจะขาดไม่ได้เลยทีเดียว
ก่อนที่นักเตะต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามาหากินในเมืองผู้ดี คันโตน่า ถือเป็นคนแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกับพรีเมียร์ลีก โดยเขาเป็นขวัญใจกองเชียร์เรด เดวิลส์ แต่อาจจะถูกมองเป็นผู้ร้ายในสายตาแฟนบอลทีมอื่นๆ เพราะคาแร็คเตอร์ที่ค่อนข้างจะเจ้าอารมณ์ (พิสูจน์ได้จากเหตุการณ์กังฟู คิก)
คันโตน่า เป็นนักเตะที่มีเซนส์บอลที่ดีเยี่ยม ความสำเร็จส่วนหนึ่งในยุคที่ยูไนเต็ดกลับมาเฟื่องฟูก็คงต้องให้เครดิตกับนักเตะเฟร้นช์แมนรายนี้ด้วย
ปล.อาจจะมีนักเตะปีศาจแดงติดโผมาเยอะเป็นพิเศษก็คงไม่ว่ากันเพราะเรานำข้อมูลจากเว็ปไซต์เมืองผู้ดีมานำเสนอ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่ถูกใจกองเชียร์ทีมอื่นๆ โดยเฉพาะลิเวอร์พูลเท่าใดนั
ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 4/18/2012 12:51:11 PM
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=78598&ch=262&ch=scoop
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น