ยินดีต้อนรับ
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสโมสร
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
1. เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพ และลดความเครียดจากการทำงาน
2. เพื่อเป็นการตอบสนองสมาชิกที่อยากเล่นบอล แต่ไปขอใครเล่นเขา
ก็ไม่ให่เล่น จึงคิดตั้งสโมสรขึ้นมาเล่นเอง ฮิฮิ
3. เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่ทำงานกันที่อื่น
4. วัตถุประสงค์สุดท้ายคือ หาเรื่องไปหาอารัยกินกัน
วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ตายแน่เอ็ง!นักเตะ-อดีตแข้งออกจวกแบล็ตเตอร์ลงจากตำแหน่งซะ
การให้สัมภาษณ์ของเซ็ปป์ แบล็ตเตอร์กำลังตกเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอล โดยเหล่านักเตะและอดีตนักเตะออกโรงโจมตีคำพูดของเขา และเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่งไปซะ
เจสัน โรเบิร์ตส์นักเตะของทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส : "ผมขยะแขยงมาก ผมไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ผมได้ยินชายคนนี้กล่าว"
"คุณลุงของผมลงเล่นฟุตบอลในยุคปี 70 ถูกปากล้วยใส่และถูกเรียกว่าไอ้ลิง ฉะนั้นแล้วเขาพูดมาได้อย่างไรว่ามันไม่มีการเหยียดผิวเกิดขึ้นในวงการ ฟุตบอล"
แกรี่ เบ็นเน็ตต์อดีตนักเตะทีมซันเดอร์แลนด์ : "คุณตอบสนองกับคอมเม้นท์เหล่านี้ด้วยความสิ้นหวังและขยะแขยง เขาคือใครบางคนที่อยู่ในระดับสูงสุดของเกมฟุตบอลและพูดอะไรออกมาแบบนี้"
"มีความหวังอะไรในฟุตบอลเหลืออยู่ล่ะ? มันเป็นการส่งข้อความที่ผิดไปชัดเจนและทำให้เกิดรสชาติเปรี้ยวๆอยู่ในปาก พวกเราแข็งกร้าวกับการเหยียดผิวโดยมีโครงการ "Show Racism The Red Card" (แจกใบแดงให้กับการเหยียดผิว) แต่คอมเม้นท์เหล่านี้ทำให้พวกเราต้องถอยหลังลงคลองกลับไปหลายปี"
"คุณต้องท้อแท้เมื่อไดโนเสาร์ตัวนี้ออกมาให้สัมภาษณ์อะไรแบบนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่อยู่ในอำนาจอีกนานนัก"
การ์ธ ครุกส์อดีตนักเตะของสเปอร์ส และคอมเมนเตเตอร์ในรายการโทรทัศน์ : "เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแบล็ตเตอร์เป็นคนที่ไม่เคยถูกผลกระทบจากการเหยียดผิว ผมช็อคและท้อใจเป็นอย่างมาก"
"ไม่มีใครสามารถยอมรับได้ว่าการเหยียดผิวในวงการฟุตบอลเป็นเรื่องที่ยอมรับ ได้ พวกเราไม่ได้อยู่ในยุคปี 70 หรือ 80 อย่างที่ผมเคยลงเล่น"
"เซ็ปป็เป็นคนที่หลงยุคและหลุดโลกไปแล้ว"
ริโอ เฟอร์ดินานด์ปราการหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : "บอกผมทีว่าผมเพิ่งจะได้อ่านคอมเม้นท์ของเซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ถึงเรื่องการเหยียดผิวแบบผิดไป หากไม่แล้วล่ะก็ผมโคตรแปลกใจเลยครับ"
"เพื่อให้ชัดเจนนะ หากมีนักเตะด่าทอผู้ตัดสิน การจับมือกันหลังจบเกมช่วยปัดเป่าความบาดหมางทิ้งไปได้เหรอ?"
แอนดี้ โคลอดีตหัวหอกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ : "เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ช่วยทำอะไรให้ผมหน่อยเถอะนะ การจับมือในสนาม? เพื่อต่อต้านการเหยียดผิว?"
เลออน ไนท์อดีตกองหน้าเชลซี : "เขาพูดว่ามันไม่มีการเหยียดผิวเกิดขึ้นในวงการฟุตบอล?" ใครก็ได้ช่วยเอากาแฟแรงๆไปให้ชายคนนี้หน่อย ตบเขาสักฉาดและบอกเขาให้ตื่นได้แล้วโว้ย"
"ไอ้ตัวตลกตัวนี้มันอยู่ในโลกใบไหน? การจับมือแล้วหาย? ช่วยทำอะไรให้ผมหน่อยเถอะ จริงๆแล้วเขาควรทำอะไรให้พวกเราทุกคนโดยการลาออกซะ"
ร็อบบี้ ซาเวจอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติเวลส์ : "เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์นี่เอาจริงดิ ? ตาแก่คนนี้ต้องไปแล้ว"
ปีเตอร์ ราเมจปราการหลังของคริสตัล พาเลซ : "การจับมือมันเป็นการแสดงท่าทีขอบคุณนี่ ฉะนั้นแล้วเราต้องขอบคุณคนที่มาเหยียดผิวเรางั้นสิ?"
ปาทริค วิเอร่าอดีตกองกลางอาร์เซนอลและแมนฯ ซิตี้ : "ผมไม่เห็นด้วยกับมิสเตอร์แบล็ตเตอร์นะ - มันมีการเหยียดผิวเกิดขึ้นในวงการฟุตบอล"
"พวกเราต้องต่อสู้กับมันและทำทุกๆอย่างที่พวกเราจะทำได้"
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=510088&sid=841eac08aa2ef07ee9d7efcd92006b93
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น