© AP Images
ทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างปาฏิหารย์เมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลัง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ถึง 3-0 ในช่วงต้นครึ่งหลังแต่กลับมาไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 3-3 โดยเกมนี้ เวย์น รูนี่ย์ ยิงจุดโทษ 2 ครั้งช่วยดึงกระแสของเกมกลับมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (5 ก.พ.55)
เชลซี 3-3 แมนฯ ยูไนเต็ด
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงทำศึกซูเปอร์แมตช์ประจำ “ซูเปอร์ซันเดย์” พรีเมียร์ลีกกับทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นคู่ปรับในการเบียดลุ้นแชมป์กันในฤดูกาลที่แล้วแต่ฤดูกาลนี้ทีมเจ้าบ้านหลุดวงโคจรเร็วเกินกำหนด
สำหรับนัดนี้ อังเดร วิลลาส-โบอาส ใช้งาน 3 ประสาน เฟร์นานโด ตอร์เรส, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และฆวน มาตา ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ดาวิด เด เคอา กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้งหลังบาดเจ็บในเกมก่อน ส่วนแนวรุกยังเป็นคู่แดนนี่ เวลเบ็ค และเวย์น รูนี่ย์
เกมออกสตาร์ทได้เพียงแค่ 2 นาทีทีมเยือนเล่นทักทายก่อนจากฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษของ เวย์น รูนี่ย์ แต่บอลก็เข้ากรอบ ก่อนที่ เชลซี จะมีเสียวบ้างในนาทีที่ 7 จากจังหวะลูกเตะมุม ราอูล เมยเรเลส เปิดเข้ามาแล้วโดน เด เคอา ชกบอลออกมาไม่ดีเข้าทาง เมยเรเลส ยิงสวนแต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน
จากนั้นนาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ด นึกว่าได้เฮแล้วเมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ แทงทะลุช่องให้ เวลเบ็ค หลุดเข้าไปก่อนโดน แกรี่ เคฮิลล์ สอยในเขตโทษ แต่ว่าผู้ตัดสินฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ยอมเป่าให้จุดโทษแต่อย่างใด
เกมยังคงตื้อๆโดยทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีโอกาสกันมากมายนักแม้ว่าทีมเยือนจะครองเกมได้เหนือกว่าก็ตาม โดยเชลซี พอได้จากจังหวะที่ ตอร์เรส ได้บอลตรงหัวกะโหลกแต่ก็ยิงหลุดกรอบ ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้เสียวกว่าเล็กน้อยเมื่อ รูนี่ย์ หลุดกับดักล้ำหน้าก่อนเข้าไปในเขตโทษแล้วไหลไปเสาไกลถึง เวลเบ็ค แต่ว่าจังหวะยิงโดน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ตามมาสกัดได้ทัน
แต่มาถึงนาทีที่ 36 เจ้าบ้านก็มาได้ประตูนำแบบมีโชคช่วยเมื่อ สเตอร์ริดจ์ ลากหนีปาทริซ เอวร่า ได้ก่อนตบเข้ากลางมา บอลไปแฉลบ เด เคอา โดนจอนนี่ อีแวนส์ เข้าประตูตัวเองไปให้เชลซี ขึ้นนำ 1-0 ซึ่งเป็นประตูโทนในช่วงครึ่งแรกด้วย
ครึ่งหลังกลับมาเล่นได้แค่ 24 วินาที แฟนผีก็ต้องช็อกเป็นคำรบที่สอง เมื่อตอร์เรส ได้บอลฝั่งขวาของสนามก่อนเปิดไปหน้าปากประตู มาตา ซึ่งยืนแบบไร้ตัวประกบวอลเล่ย์เข้าไปตุงตาข่ายแบบสุดงามให้สกอร์ห่างเป็น 2-0
จากนั้นนาทีที่ 50 ดาวิด ลุยซ์ ก็มาบวกประตูที่ 3 ได้อีก โดยเป็นการเปิดบอลของ มาตา เข้ามาถึง ลุยซ์ ได้โหม่งบอลไปแฉลบไหล่ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เข้าประตูไปให้สกอร์บอร์ดโชว์ 3-0
เฟอร์กี้ เห็นท่าไม่ดีส่ง ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นานเดซ ลงมาแทน แอชลี่ย์ ยัง และเหมือนเป็นตัวนำโชคเมื่อทีมมาได้จุดโทษในนาทีที่ 58 จากจังหวะที่ เอวร่า พาบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนโดนสเตอร์ริดจ์ ทำฟาวล์ และเป็น รูนี่ย์ ที่ยิงให้แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ตามมาเป็น 3-1
ประตูนี้จุดความหวังให้ทีมเยือนเต็มๆ โดยมีการส่ง พอล สโคลส์ ลงมาช่วยคุมจังหวะแดนกลางด้วยและทำให้รูปเกมดีขึ้น เพียงแต่ก็เกือบโดนทีเด็ดของ เชลซี เหมือนกันในจังหวะที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ลากไปสุดเส้นก่อนจ่ายมาให้ มาตา หวดเต็มๆแต่ติดเซฟของ เด เคอา
มาถึงนาทีที่ 68 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูไล่ตามมาเป็น 3-2 จากจุดโทษอีกแล้ว เมื่อเวลเบ็ค พาบอลลุยในเขตโทษก่อนโดน อิวาโนวิช แซะนิดเดียวจนล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษ และเป็น รูนี่ย์ ที่รับอาสาสังหารเข้าไป
งานเข้าเชลซี อย่างจังจนทำให้ วิลลาส-โบอาส ต้องถอดสเตอร์ริดจ์ ออกและให้ โอริออล โรเมอู ลงมาช่วยแพ็กแดนกลางที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด โดยแมนฯ ยูไนเต็ด เกือบตีเสมอได้เมื่อ กิ๊กส์ ตัดบอลแดนกลางก่อนไหลให้ ชิชาริโต้ หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษแต่บอลหลุดเสาไกลออกไป ขณะที่เจ้าบ้านก็โยนโอกาสคลายความกดดันทิ้งเหมือนกันเมื่อ ตอร์เรส ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษแต่เงอะงะจนไม่ได้ยิงสุดท้ายโดนสกัดไปก่อน
แมนฯ ยูไนเต็ด บี้ไม่หยุดและสุดท้ายก็ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 84 จากจังหวะที่ รูนี่ย์ ได้ซัดในเขตโทษแล้วโดน ปีเตอร์ เช็ก เซฟได้แต่บอลยังไม่พ้นอันตราย กิ๊กส์ เก็บบอลได้ก่อนเปิดกลับไปกลางประตู และเป็น ชิชาริโต้ ที่โขกตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จเป็น 3-3 อย่างไม่มีใครอยากเชื่อ
แต่เชลซี ยังมีสติและพยายามตั้งหลักกลับมาโดยมีโอกาสอีกครั้งเมื่อ เมยเรเลส ได้พุ่งโหม่งในเขตโทษแต่บอลข้ามคานออกไป ก่อนที่จะพยายามเปิดฉากบุกใส่ทีมเยือนบ้างหลังลงไปรับนานจนโดนตามตีเสมอได้
และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีแรก ลุยซ์ ลุยขึ้นมาเรียกฟรีคิกให้ทีมได้ โดยเป็น มาตา ที่ปั่นบอลเน้นๆจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งโค้งจะเสียบสามเหลี่ยมแน่นอนอยู่แล้วแต่ เด เคอา ก็โชว์ลีลาซูเปอร์เซฟบินมาปัดบอลด้วยมือเดียวออกไปได้อย่างเหลือเชื่อสุดๆ ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยการเสมอกันแบบสุดมัน 3-3
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=75915&ch=253
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น